แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง ไปเร่งรัดปรับแผนการนำบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกจากแผนฟื้นฟู เพื่อนำกลับเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ภายในปลายปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิม 5-6 เดือน จากเดิมการบินไทย มีแผนที่จะนำกลับเข้าตลาดหุ้นในเดือนเม.ย.-พ.ค.68
ทั้งนี้ มีสาเหตุมาจากขณะนี้สถานะการเงินของการบินไทย ถือว่าอยู่ระดับที่ดี มีกำไรทั้งจากการขายทรัพย์สิน และผลประกอบกิจการดี จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และการส่งออกดีขึ้นด้วย รวมถึงการปรับลดจำนวนพนักงานลงกว่า 50% และมีการปรับโครงสร้างเงินเดือนพนักงานใหม่ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
“การกลับเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์โดยเร็วนั้น เพื่อช่วยกระตุ้นและสร้างบรรยากาศให้ตลาดหุ้นไทยให้คึกคัก ขณะเดียวกันรัฐบาล ต้องการให้มีการตั้งคณะกรรมการ(บอร์ด) การบินไทยใหม่ เนื่องจากปัจจุบันการบินไทย อยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ ต้องอยู่ภายใต้การบริหารของคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟู ทำให้ไม่มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ และมอบนโยบายการดำเนินการใดๆได้ ทั้งๆ ที่การบินไทย เป็นสายการบินแห่งชาติ”
ส่วนการรักษาสัดส่วนการถือหุ้นของการกระทรวงการคลังนั้น จะรักษาสัดส่วนไว้ที่ 40% เพื่อมิให้เป็นรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ทำให้ไม่มีคล่องตัวในการบริหารจัดการ ประกอบกับธุรกิจการบิน มีการแข่งขันสูง และเปลี่ยนแปลงเร็ว จึงจำเป็นต้องบริหารธุรกิจด้วยความรวดเร็ว รอบคอบด้วย
ขณะที่วงเงินที่กระทรวงการคลัง ต้องเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นนั้น จะอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท จากเดิมจะใช้เงินราว 20,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลัง ได้เตรียมเงินงบประมาณ และเงินจากกองทุนวายุภักดิ์ เมื่อมีมติให้เพิ่มทุน กระทรวงการคลัง พร้อมที่จะดำเนินการทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกของการบินไทย มีรายได้รวม 45,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8 % เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 38,951 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 11,116 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,507 ล้านบาท ลดลง 78.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 11,879 ล้านบาท โดยสาเหตุการขาดทุน เป็นผลจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบิน แต่เชื่อว่าตลอดทั้งปีจะมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน