วันนี้ (31 พฤษภาคม 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงาน IGNITE THAILAND จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเกษตรและอาหารของโลก ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลพร้อมหาทางส่งเสริมการพัฒนาพันธุ์พืช เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตกรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการตัดต่อพันธุกรรมพืช ผ่านการเร่งศึกษาการใช้เทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม (Genome Editing, GEd)
“เรื่องของพันธุ์พืช ปัจจุบันเวียดนามมีงบพัฒนาพันธุ์ข้าวมากกว่าไทย 5-6 เท่าต่อปี รัฐบาลจึงเร่งจัดงบประมาณลงไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องค้นคว้าหาพันธุ์ข้าวที่มีผลผลิตสูง และการตัดต่อพันธุกรรม ที่ผ่านมาเราเคยเป็นสังคมอีแอบ นำเข้าสินค้าเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ตัดต่อพันธุกรรมหมด แต่ปลูกในประเทศดันไม่ให้ทำ เรื่องนี้ รมว.เกษตรฯ พูดชัดเจนว่า จะแก้ไขเรื่องนี้ เพื่อให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น และมีแรงต้านทานวัชพืช เพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น” นายกฯ ระบุ
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังพยายามส่งเสริมการนำเทคโนโลยีด้านการเกษตรมาใช้ เช่น ถั่วเหลือง ปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการสูงมากหลักล้านตัน แต่ผลผลิตในประเทศกลับปลูกได้แค่ปีละไม่กี่หมื่นตัน ทำให้ต้องนำเข้า ดังนั้นถ้าไม่ใช้การตัดต่อพันธุกรรม เชื่อว่า เกษตรกรไทยจะสู้ประเทศอื่นไม่ได้ แต่ถ้าทำแล้วต้องแน่ใจว่าเกษตรกรต้องแข่งขันได้ด้วย
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องเทคโนโลยีก็สำคัญ โดยเฉพาะเทคโนโลยีบริหารจัดการน้ำ เพราะในปีนี้เข้าใจว่า ปริมาณน้ำจะมามากกว่าปีที่ผ่านมา ล่าสุดได้ประชุมกับทีมงานว่าเตรียมจะเดินทางลงพื้นที่ที่น้ำท่วมประจำทุกปี เช่น จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และแนวทางการบริหารจัดการน้ำ ร่วมกับหน่วนงานที่เกี่ยวข้อง
“จะลงพื้นที่ไปดูว่าทำไรบ้าง ทั้งการบริหารจัดการน้ำ และการเก็บกักน้ำ เพราะน้ำจะมามากในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม โดยจะมอบหมายให้กรมชลประทาน ดูเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหา” นายกฯ กล่าว
นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับเรื่องการแปรรูปพืชต่าง ๆ โดยเฉพาะถั่วเหลือง ซึ่งถือเป็นสารตั้งต้นอาหารแห่งอนาคตหลายประเภทที่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ รวมทั้งเป็นสารอาหารสำคัญของอาหารฮาลาล ซึ่งปัจุบันนี้ประชากรในตะวันออกกลาง และแอฟริกา มีความต้องการอาหารฮาลาลสูง รัฐบาลจึงพร้อมส่งเสริมการแปรรูป เพื่อให้เกษตรกรไทยมีรายได้สูงขึ้น และจะเร่งเปิดตลาดใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องด้วย