นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับ นายโอตากะ มาซาโตะเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ว่า ได้หารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ผ่านการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง FTA โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยภายใต้ความตกลง JTEPA เช่น กล้วยหอมทองไปตลาดญี่ปุ่น
โดยปีนี้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเกษตรกรทำสัญญาซื้อขายกับผู้นำเข้าญี่ปุ่นเพื่อเตรียมส่งออกกล้วยหอมทองไปตลาดญี่ปุ่นแล้ว จำนวน 5,000 ตันต่อปี และจะเพิ่มปริมาณการส่งออกอีกในปีต่อ ๆ ไป
นอกจากนี้ ไทยได้ขอให้ญี่ปุ่นสนับสนุนสินค้าน้ำตาลทราย และขอให้เจ้าหน้าที่ระดับเทคนิคหารือกัน พิจารณาเพื่อลดภาษีต่อไป
นายภูมิธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นกับไทยถือเป็นพันธมิตรสำคัญในห่วงโซ่อุตสาหกรรมมาโดยตลอด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยกว่า 60 ปี ก็อยากจะเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติมในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งที่เป็นยานยนต์สันดาปและยานยนต์สมัยใหม่ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ให้กับญี่ปุ่นต่อไป
และยังได้เชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นมาลงทุนในพื้นที่ EEC สำหรับอุตสาหกรรมชั้นนำอื่น ๆ ที่ญี่ปุ่นมีศักยภาพ อาทิ เครื่องมือแพทย์ หุ่นยนต์ และพลังงานสะอาด อีกด้วย
ปัจจุบันญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย โดยในช่วง 4 เดือนของปี 2567 (มกราคม – เมษายน) มีมูลค่าการค้ารวม 17,110.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 7,566.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการนำเข้ามูลค่า 9,544.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปยังญี่ปุ่น ได้แก่
สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากญี่ปุ่น ได้แก่
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้แสดงความยินดีที่ประเทศหุ้นส่วนกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด -แปซิฟิก หรือ IPEF ได้ร่วมสรุปความตกลงฯ เรื่องห่วงโซ่อุปทาน , เรื่องเศรษฐกิจที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเรื่องเศรษฐกิจที่เป็นธรรม ซึ่งไทยกับญี่ปุ่นพร้อมร่วมผลักดันในการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันใน เรื่องการค้า ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วต่อไป
ซึ่งญี่ปุ่นก็พร้อมที่จะขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้กรอบ IPEF ที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างไทย ญี่ปุ่น และประเทศหุ้นส่วนในภูมิภาคด้วยเช่นกัน