"ลอรีอัล" ทุ่ม 1,200 ล้านยูโร รุก R&D ชิงตลาดสกินแคร์โลก

21 มิ.ย. 2567 | 22:50 น.

"ลอรีอัล กรุ๊ป" ลงทุนกว่า 1,200 ล้านยูโร พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านความงาม เปิดตัวเมลาซิล ตั้งเป้าสู่เทรนด์ความงามอย่างยั่งยืนในปี 2573

ดร.ดิมอย รอย รองหัวหน้าฝายวิจัยและนวัตกรรมตลาดเกิดใหม่ ลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทใช้งบลงทุนกว่า 1,200 ล้านยูโร ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านความงาม โดย 60% เป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิว และในปี 2567 นี้ ได้เปิดตัวนวัตกรรมเมลาซิล (Melasyl TM) หลังใช้เวลาในการวิจัยรวม 18 ปี และเป็นนวัตกรรมที่ได้รับสิทธิบัตรแล้ว

\"ลอรีอัล\" ทุ่ม 1,200 ล้านยูโร รุก R&D ชิงตลาดสกินแคร์โลก

"เราไม่ใช่บริษัทความงามที่จะผลิตสินค้าเท่านั้น แต่ยังได้เล็งเห็นความสำคัญยกเลิกการทดสอบในสัตว์ ทำงานกับภาคีเครือข่าย หันมาใช้ผิวหนังทดลองที่ถูกสร้างขึ้นโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของเรา ซึ่งตอนนี้หลายบริษัททั่วโลกก็นิยมใช้นวัตกรรมนี้ และลอรีอัลเป็นบริษัทความงามที่พัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์ ดังนี้ สกินแคร์ บอดี้แคร์ เมคอัพ หรือแฮร์แคร์ รวมถึงน้ำหอม จึงผ่านการพัฒนาและทดลองจนตอบโจทย์ผู้ใช้หลากหลาย เราต้องการสร้างให้ความงามให้เป็นสิ่งที่มีคุณค่า ช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกดีและมีความมั่นใจ ไม่ว่าผิวพรรณจะแตกต่างกัน"

สำหรับภูมิภาคเอเชียถือว่ามีประชากรกว้างขวาง และมีเจน Z เพิ่มขึ้น ประชากรกลุ่มนี้ให้ความสำคัญในเรื่องความหลากหลาย สนใจความเยาว์วัย ดังนั้นการนำวิทยาศาสตร์มาช่วยพัฒนาแต่ละโปรดักส์จะต้องใช้ได้กับทุกคน มีความยั่งยืน และรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย และลอรีอัลก็ได้ตั้งเป้าเพื่อไปสู่เทรนด์ความงามอย่างยั่งยืนในปี 2573 
\"ลอรีอัล\" ทุ่ม 1,200 ล้านยูโร รุก R&D ชิงตลาดสกินแคร์โลก

นายแพทย์ภูมิ วิสุทธิ์จินดากรณ์ ผู้เชี่ยวชาญผิวหนัง กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคมักเกิดการตั้งคำถามกับสิ้นค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่จะซื้อ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เพราะเริ่มศึกษาหาข้อมูลและจำเป็นต้องรู้ว่าสิ่งที่จะใช้กับผิวหรือเหมาะสมกับผิวตัวเองมีส่วนผสมอะไรบ้าง เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและตอบโจทย์กับตัวเองมากที่สุด โดยปัญหาที่พบมากที่สุดคือ

  1. เรื่องริ้วรอยในช่วงอายุ 20-30 ปี
  2. เรื่องสิวที่พบในทุกช่วงวัย ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
  3. เรื่องจุดด่างดำ ได้แก่ ฝ้า, กระ, รอยดำ, รอยแดง, กระแดด 

ด้าน นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและองค์กรสัมพันธ์ กล่าวว่า สำหรับผลิตภัณฑ์ของลอรีอัลที่เกี่ยวกับปัญหาเม็ดสีผิวถือว่าเป็นตลาดใหญ่ จะเกี่ยวกับสกินแคร์ ถัดมาจะเป็นเรื่องไวท์เทนนิ่ง สิว UV ริ้วรอย และความชุ่มชื่น
โดยภาพรวมตลาดในไตรมาส 1 ปี 2567 ยังทรงตัว แต่กลุ่มไวท์ เทนนิ่ง ยังถือว่าเติบโตได้ดี และเมลาซิลเป็นสารที่ลอรีอัลคิดค้นขึ้นมา กำลังวางแผนอยู่ว่าจะเปิดตัวในแบรนด์ไหนบ้าง เพราะถือเป็นโมเลกุลตัวใหม่ที่ทีมวิจัยต้องนำเอาไปคิดสูตรของแต่ละแบรนด์ ในขณะที่ปัจจุบัน ลอรีอัล ประเทศไทย มีแบรนด์ในเครือทั้งหมด 15 แบรนด์ แบ่งออกเป็น L’Oréal Paris, Garnier, Maybelline New York, Lancôme, Biotherm, Giorgio Armani, Kiehl’s, Shu Uemura, YSL Beauty, IT Cosmetics, La Roche-Posay, Vichy, CeraVe, Kérastase และ L'Oréal Professionnel 

\"ลอรีอัล\" ทุ่ม 1,200 ล้านยูโร รุก R&D ชิงตลาดสกินแคร์โลก

ทั้งนี้ ผู้บริโภคสนใจข้อมูลผลิตภัณฑ์มากขึ้น สนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และแบรนด์เวชสำอางก็จะต้องมีข้อมูลเพื่อทำให้ผู้บริโภคสนใจ โดยผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยที่มีส่วนผสมของเมลาซิล ได้แก่ เมลา บี3 (Mela B3) ของลา โรช-โพเซย์ (La Roche Posay) ทั้งเซรั่มเมลาบี3 (MelaB3) และเมลาบี3 เอสพีเอฟ30 (MelaB3 SPF30) ในอนาคตอันใกล้นี้ ลอรีอัล ปารีส (L’Oréal Paris) และวิชี่ (Vichy) เตรียมนำเมลาซิลมาใช้กับผลิตภัณฑ์ที่จะเปิดตัวใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ผู้เชี่ยวชาญคิดค้นขึ้นมาโดยใช้ส่วนผสมใหม่นี้ได้มากยิ่งขึ้น