นายแพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา กล่าวว่า ปี 2566 เป็นอีกหนึ่งปีทองของตลาดความงามที่คึกคักและเต็มไปด้วยการแข่งขันสูง ซึ่งลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทยยังคงขีดความสามารถในการแข่งขันและเป็นผู้นำในตลาดความงามในหลายเซกเมนต์ได้อย่างประสบความสำเร็จ ท่ามกลางความท้าทายจากคู่แข่งที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากมายและผู้บริโภคที่มีความสนใจในความงามที่แตกต่างและหลายหลายรูปแบบ
ในปี 2566 ที่ผ่านมา ตลาดความงามทั่วโลกเติบโตต่อเนื่องที่ 8% โดยลอรีอัล กรุ๊ป เติบโตในอัตราเลขสองหลักเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน สำหรับในประเทศไทย ภาพรวมตลาดความงามและ personal care มีการเติบโตอยู่ที่ 12% ด้วยมูลค่าสูงถึง 2.85 แสนล้านบาท โดยเมื่อดูเฉพาะส่วนความงาม กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นตลาดใหญ่ที่สุดมีมูลค่าที่ 1.13 แสนล้านบาท ลอรีอัลเดินเกมบุกตลาดสกินแคร์มากขึ้นหลังตลาดโตต่อเนื่อง ตามมาด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มูลค่า 3.9 หมื่นล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดแนวโน้มอุตสาหกรรมความงามเซกเมนต์ไหนได้ไปต่อ https://www.thansettakij.com/business/marketing/563258
ขณะที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มเมคอัพยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องด้วยมูลค่าตลาดที่ 2.27 หมื่นล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอมมีมูลค่าสูงถึง 1.02 หมื่นล้านบาท ซึ่งลอรีอัล ประเทศไทย นับเป็นหนึ่งในตลาดหลักของภูมิภาค SAPMENA (เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง และ แอฟริกาเหนือ) ที่ยังสามารถคงอัตราการเติบโตสองหลักเหนือตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภูมิภาค SAPMENA เติบโตที่ 23.2%
ภาพรวมแนวโน้มตลาดความงามโลกปี 2567 ที่ยังคงคึกคักและส่งสัญญาณบวกอย่างต่อเนื่อง พร้อมสรุปผลประกอบการทั่วโลกของลอรีอัล กรุ๊ปในปี 2566 ที่มีอัตราการเติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 20 ปีที่ 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า คงตำแหน่งบริษัทความงามอันดับ 1 ของโลก
พร้อมมุ่งขับเคลื่อนลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ One L'Oréal ลอรีอัลจะคงการผลักดันทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว กลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพ ให้ผ่านการจุดกระแสนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดออนไลน์และออฟไลน์ในทุกเซกเมนต์
เพื่อผลักดันตลาดความงาม ในประเทศไทย ที่มีแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอ 15 แบรนด์ ครอบคลุม เมียนมา ลาว และกัมพูชา บริษัทจึงได้นำกลยุทธ์ One L'Oréal 4 เรื่องหลักมุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรทั้งด้านบุคลากร ด้านธุรกิจ และ ด้านความยั่งยืน ให้ทุกกลุ่มธุรกิจและแผนกส่วนกลางได้มุ่งพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างการเติบโตในตลาดความงามอย่างยั่งยืน