นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์ธุรกิจที่น่าสนใจประจำเดือนพฤษภาคม 2567 พบว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ‘ธุรกิจของเล่น’ มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง โดยแบ่งธุรกิจ ออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่
มูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 5,692.21 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ผู้ผลิต 2,909.61 ล้านบาท ผู้ขาย 2,782.60 ล้านบาท แบ่งเป็น
"ข้อมูลที่น่าสังเกตคือ ธุรกิจขนาดเล็ก (S) เป็นกลุ่มที่มีการจัดตั้งธุรกิจมากที่สุด จำนวน 1,024 ราย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสของ SME ในธุรกิจของเล่นที่ยังเปิดกว้างให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้ามาลงทุนช่วงชิงตลาด โดยจำนวนนี้เป็นกลุ่มขายมากถึง 804 ราย และผลิต 220 ราย สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันที่จะเห็นได้ว่าตลาดของเล่นมีการซื้อขายอย่างคึกคักทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ"
ทั้งนี้ การจัดตั้งธุรกิจของเล่นปี 2567 ช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม) มีจำนวน 57 ราย เป็นผู้ผลิต 50 ราย ผู้ขาย 7 ราย โดยทั้งหมดเป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 67 ล้านบาท ผู้ผลิต 56 ล้านบาท ผู้ขาย 11 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลย้อนหลัง 2 ปี ระหว่างปี 2565-2566 พบว่า ในปี 2566 มีการจัดตั้งธุรกิจของเล่นจำนวน 120 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 49 ราย คิดเป็น 69.01% มูลค่าทุนจดทะเบียน 2,736.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 40.90 ล้านบาท คิดเป็น 31.52% โดยตลอดปี 2566 ธุรกิจ ของเล่นสร้างรายได้รวมถึง 19,677.21 ล้านบาท พร้อมเติบโตแบบก้าวกระโดดและทำกำไรอยู่ที่ 467.62 ล้านบาท
ปัจจุบันของเล่นไม่ได้อยู่คู่กับเด็กเท่านั้น หากแต่เกิดกลุ่มที่ชื่อว่า ‘Kidult’ ขึ้นมาในอุตสาหกรรมของเล่น ซึ่งเป็นการรวมกันระหว่างคำว่า Kid (เด็ก) และ Adult (ผู้ใหญ่) เมื่อพิจารณาการจะจ่ายเงินซื้อของเล่นสักหนึ่งชิ้น การตัดสินใจส่วนใหญ่จะเป็นของผู้ใหญ่ที่มีความสามารถในการซื้อ รวมถึงความนิยมของเล่นในกลุ่ม Art Toy ได้สร้างกระแสสำคัญในวงการของเล่นทั่วโลก
โดยในประเทศไทยเกิดการแข่งขันสูงในการซื้อขาย Art Toy ผ่านรูปแบบต่างทๆ ทั้งขายทางหน้าร้าน ขายผ่านออนไลน์ หรือแม้อาชีพนักหิ้ว ก็ยังมีการสร้างรายได้ไปกับการซื้อขาย Art Toy