นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานการแถลงข่าว “ดิจิทัลวอลเลต โครงการเพื่อประชาชน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ววันนี้” ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
โดยเริ่มต้นนายพิชัยได้แถลงอธิบายเหตุผลของการทำนโยบายเงินดิจิทัล เพราะปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา พร้อมกับยกตัวอย่าง ทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือน ผู้ผลิตแต่ละธุรกิจยอดผลิตยอดขายตกต่ำลง หนี้เยอะเพราะรายได้ไม่พอ รายได้ต่ำกว่ารายจ่ายจึงเกิดหนี้ขึ้น ดังนั้นจึงจะทำอย่างไรให้มีรายได้ให้สูงขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างทำให้ประเทศไทยไม่มีขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่นๆในโลกได้ ยอดการส่งออกตกลง
ส่วนหนี้สาธารณะตอนนี้เพดานสูง 60% ซึ่งกำลังเข้าสู่กรอบ 70% หรือ 20 ล้านล้าน ตอนนี้หนี้สาธารณะอยู่ที่ 12 ล้านล้าน ดังนั้นเราจึงเหลืออกระสุนอีกไม่เยอะ เมื่อถึงวันนี้ ยืนยันว่าใช่จริงที่เศรษฐกิจตกต่ำลง อัตราการเจริญเติโตทางเศรษฐกิจไม่เติบโต รวมทั้งภาคเกษตรก็มีปัญหา
"ดังนั้นการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตเป็นสิ่งจำเป็นต้องแก้วิกฤติควบคู่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน"
นายพิชัย กล่าวว่า ดังนั้นฐานรากอยู่ที่ประชาชน ต้องตั้งต้นที่ปัญหาให้มีเงินในกระเป๋า ไม่ใช่โครงการอุดหนุน เพราะเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่เติมครั้งเดียว ต้องเข้ามือประชาชนให้ทั่วถึง
การใช้จ่ายจะการกระจายตัว อยากให้กระจายสู่จุดที่เล็กที่สุด โดยใช้จ่ายครั้งแรกอยู่ในเขตอำเภอ 878 อำเภอ ทั้งที่ตอนแรกอยากให้อยู่ในตำบลแต่พบว่าบางพทื้นที่อาจจะไม่มีสินค้าและบริการ โดยมีผู้ใช้สิทธิ์ 45 ล้านคน
"จะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ 4 ลูก คือ ระหว่างร้านค้าขนาดเล็กกับประชาชน ร้านค้าเล็กกับร้านค้าใหญ่ ร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ และพลังการใช้จ่ายของประชาชนแต่ละคนจะเกิดผลต่อการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นทวีคูณ ช่วยฟื้นฟู
ภาคการผลิตของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม" นายพิชัย กล่าว