นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลปลื้มกระแสตอบรับจากการลงทะเบียนรับสิทธิ์ ที่ตอนนี้มีถึง 20.1 ล้านคนแล้ว (สถานะ วันที่ 2 สิงหาคม 2567 เวลา 13.00 น.) เป็นเครื่องยืนยันว่าประชาชนมีกระแสตอบรับที่ดีต่อโครงการนี้ ที่รัฐบาลตั้งใจ พยายามทำให้สำเร็จ ทั้งนี้ ต่อกรณีที่มีเป็นกระแสให้ประชาชนอย่ารีบลงทะเบียนรับสิทธิ์ โครงการ Digital Wallet รวมทั้งพาดพิงว่าเป็นการนำข้อมูลลับส่วนบุคคลไปใช้นั้น
รัฐบาลขอชี้แจงว่า อยากให้มองมุมกว้าง รัฐบาลตั้งใจดำเนินโครงการนี้นอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ เราต้องการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลและนำทางประเทศไทยไปสู่ง E-Government แอปฯ ทางรัฐ จะเป็นทางลัดที่นำประชาชนให้เข้าถึงบริการของรัฐบาล เป็นการนำทางสู่สังคมดิจิทัล ซึ่งจะมีบริการของภาครัฐนำเสนอประชาชนผ่านแอปฯ นี้อีกมากมาย และยืนยันถึงความปลอดภัยของแอปฯ ทางรัฐ ที่สามารถรองรับผู้เข้าใช้งานจำนวนมาก ไม่ล่ม แม้ในช่วงพีคช่วงชั่วโมงแรก (8.00 – 9.00 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2567) ซึ่งประชาชน 2.3 ล้านคนได้สมัครรับสิทธิ และแอปฯ ทางรัฐมีระบบยืนยันตัวตนสูงสุดตามกฎหมาย
ส่วนกระแสที่มีผู้ด้อยค่าว่าโครงการ Digital Wallet เป็นเพียงเงินยาไส้นั้น รัฐบาลไม่ขอให้ความสำคัญต่อคำพูดนี้ เพราะคำว่าเงินยาไส้เป็นการดูถูกประชาชน เงิน Digital Wallet นี้ ไม่ใช่เงินเยียวยา แต่เป็นเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเงินหมื่นสำหรับบางกลุ่มคน เรียกว่าเงินยาไส้ แต่สำหรับประชาชนที่รัฐบาลเข้าถึง และได้สัมผัส ให้การช่วยเหลือตลอดมา เงินหมื่นเป็นโอกาส ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตของทั้งครอบครัวได้