“วิทัย รัตนากร” ผอ.ออมสิน สมัย 2 เปิดแผนธุรกิจ ลดกำไรช่วยสังคม

07 ส.ค. 2567 | 07:21 น.
อัพเดตล่าสุด :07 ส.ค. 2567 | 07:21 น.

ออมสิน เปิดแผนธุรกิจ 4 ปี ภายใต้แม่ทัพ “วิทัย รัตนากร” สมัยที่ 2 ตั้งเป้าปรับลดกำไรสร้าง Social Impact ลุยบริหาร 4 กลุ่มธุรกิจ

หลังจากคณะกรรมการธนาคารออมสินมีมติอนุมัติต่อสัญญาจ้าง นายวิทัย รัตนากร ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นสมัยที่ 2 มีผลเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเห็นชอบกรอบทิศทางการดำเนินงานธนาคารระยะ 4 ปี (2568 - 2572) ที่ก้าวต่อไปนั้น

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้แถลงทิศทางการดำเนินงานธนาคารก้าวต่อไป ว่า ธนาคารออมสินจะยังคงจุดยืนการเป็นธนาคารเพื่อสังคม โดยตั้งเป้าปรับลดกำไรลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อขยายผลการสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อสังคม (Social Impact) 

ทั้งนี้ จะทำให้ธนาคารสามารถทำภารกิจและโครงการช่วยเหลือประชาชนและสร้างประโยชน์ให้สังคมได้มากขึ้น ผ่านบทบาทพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ได้แก่

  1. บทบาทการเพิ่ม/ขยายโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง
  2. บทบาทการแก้ปัญหาหนี้สิน
  3. บทบาทการพัฒนาชุมชน/สังคม
  4. บทบาทการสนับสนุนภาครัฐดำเนินนโยบายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน

“ถือเป็นบทบาทใหม่ที่จะช่วยขับเคลื่อนขยายผลการสร้าง Social Impact ทั้งในเชิงลึกและวงกว้างมากขึ้น เป็นการทำให้เกิดความชัดเจนว่าบทบาทการช่วยเหลือสังคมทั้ง 4 ด้านนี้  มีความสำคัญเหนือกว่าภารกิจการสร้างอัตรากำไรทางธุรกิจ” 

นอกจากนี้ ธนาคารวางแผนเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแห่งแรก ที่มีการบริหารงานแบบกลุ่มธุรกิจ 4 แห่ง ประกอบด้วย

  • บริษัท มีที่มีเงิน จำกัด ให้บริการสินเชื่อที่ดินและขายฝาก
  • บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการหนี้ NPL และ NPA 
  • บริษัท เงินดีดี จำกัด ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลกลุ่มลูกค้าฐานราก ผ่านแอปพลิเคชัน “Good Money” 
  • บริษัท จีเอสบี ไอที แมเนจเมนท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับความสามารถด้านเทคโนโลยีสนับสนุนธนาคาร 

นายวิทัย กล่าวว่า จากความสำเร็จของ “ธนาคารเพื่อสังคม” ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันธนาคารสามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อสังคม มีผู้ได้รับประโยชน์ผ่านโครงการและมาตรการต่าง ๆ เช่น การช่วยประชาชนกลุ่มเครดิตต่ำและไม่มีเครดิตให้เข้าถึงแหล่งเงินในระบบแล้วกว่า 3 ล้านคน มีผู้เข้าถึงดอกเบี้ยที่เป็นธรรมแล้วกว่า 5 ล้านคน เป็นต้น

โดยธนาคารมีความมั่นคงแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจด้วยปริมาณเงินสำรองรวมเพิ่มขึ้นแตะระดับ 125,948 ล้านบาท และมีฐานลูกค้ารวม 24 ล้านรายในปัจจุบัน ทั้งนี้ การเดินหน้าภารกิจตามจุดยืนธนาคารเพื่อสังคม และตั้งเป้าขยายผลการสร้าง Social Impact ในอีก 4 ปีข้างหน้า จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม