ประธานหอการค้าฯ ชี้ตัดสินยุบก้าวไกล เป็นไปตามหลักฐาน มั่นใจไม่กระทบ ศก. Q4

07 ส.ค. 2567 | 10:58 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ส.ค. 2567 | 11:13 น.

ประธานหอการค้าฯ ชี้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกล เป็นไปตามพยานหลักฐาน ชี้ยังสามารถขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมืองได้ต่อเนื่องหลังย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ ประเมินเบื้องต้นไม่น่ามีความรุนแรง หรือความวุ่นวาย มั่นใจไม่กระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจ Q4

จากที่ศาลรัฐธรรมนูญ (วันที่ 7 ส.ค. 2567) มีคำวินิจฉัยด้วยมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคก้าวไกล จำนวน 11 คน เป็นระยะเวลา 10 ปี กรณีมีเหตุอันเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นว่า จากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ยุบพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม  โดยได้เพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรค ระหว่าง 25 มี.ค.64 - 31 ม.ค.67 โดยไม่สามารถสมัครรับการเลือกตั้ง จดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ เป็นกรรมการบริหารพรรคหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค

ทั้งนี้เป็นไปตามคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น ถือว่าเป็นการกลั่นกรองจากพยานหลักฐาน และมีความชัดเจนในมติของศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์

อย่างไรก็ตาม แม้การยุคพรรคก้าวไกลและกรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่ สส. ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยจะต้องหาพรรคการเมืองใหม่สังกัด ซึ่งคงต้องติดตามว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด และมีเจตนารมณ์ใกล้เคียงกับพรรคก้าวไกลเดิมหรือไม่อย่างไร หรือแม้แต่กรณีความเป็นไปได้ในการที่ สส. บางส่วนอาจมีการย้ายไปในพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล

การวิเคราะห์จากภาพที่เห็นคาดว่า สส. ส่วนใหญ่ที่ยังยึดมั่นในอุดมการณ์พรรคก้าวไกลน่าจะยังรวมกลุ่มและย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ด้วยกัน ถ้าหากเป็นเช่นนี้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของกลุ่ม สส. อดีตพรรคก้าวไกลก็ยังสามารถที่จะขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นในแง่มุมของกระบวนการทางรัฐสภาก็ยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ  ซึ่งต้องจับตาว่า สส. บางส่วนจะมีการย้ายไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ส่วนนี้ก็จะเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าพรรคใหม่นี้จะยังเป็นพรรคที่มีจำนวน สส. ในสภามากที่สุดหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามกระบวนการทางรัฐสภาก็คงเดินหน้าไปตามปกติ ทั้งเรื่องการพิจารณางบประมาณแผ่นดิน ก็ยังสามารถได้ทำได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับเหตุการณ์การเมืองนอกสภา ประเมินเบื้องต้นว่าน่าจะยังไม่มีความรุนแรง หรือ ความวุ่นวายจากกรณีการประท้วง ที่อาจทำให้ภาพรวมเกิดความกังวล เนื่องจากที่ผ่านมาสัญญาณของการกดดันการทำงานของ กกต. หรือแม้แต่ก่อนการวินิจฉัยของศาลฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ต่าง ๆ น่าจะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ

"หอการค้าฯ จึงประเมินว่าภาพรวมของเศรษฐกิจไทยก็น่าจะยังเดินหน้าได้ตามปกติ น่าจะมีสัญญาณในการฟื้นตัวได้ในช่วงกลางไตรมาส 4 ถ้าสถานการณ์ปรับเข้าสู่ภาวะที่เหมาะสมและดีขึ้น ทั้งจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีเหตุผลในการปรับประมาณการเศรษฐกิจลง เนื่องจากกลไกต่าง ๆ ของภาครัฐก็สามารถเดินหน้าได้ตามปกติ จึงไม่กระทบต่อสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน" นายสนั่น กล่าว