มหาดไทย ถอนร่าง พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน รอชงรัฐบาลใหม่

20 ส.ค. 2567 | 08:31 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ส.ค. 2567 | 08:37 น.

กระทรวงมหาดไทย ขอถอน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดสรรที่ดิน จากครม.รักษาการ เตรียมรอรัฐบาลใหม่ตั้งเสร็จ ก่อนเสนอเข้ามาอีกครั้ง หวังแก้กฎหมายให้เหมาะสมสถานการณ์ปัจจุบัน

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 20 สิงหาคม 2567 กระทรวงมหาดไทย ได้ขอถอนวาระการเสนอขออนุมัติหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดสรรที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยเตรียมกลับมาเสนออีกครั้ง หลังตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เสร็จสิ้นก่อน จากนั้นจึงเสนอเข้ามาเพื่อพิจารณาอีกครั้ง

ทั้งนี้ในรายละเอียดเบื้องต้นของ ร่าง พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน นั้น มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน โดยกำหนดหลักการให้ผู้ซื้อที่ดินในโครงการจัดสรรที่ดินสามารถริเริ่มจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้เอง ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินไม่ดำเนินการให้ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลอื่นตามกฎหมาย 

หรือไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการบำรุงรักษากิจการอันเป็นสาธารณูปโภค เพื่อเข้าไปบริหารจัดการและบำรุงรักษาสาธารณูปโภคในหมู่บ้านจัดสรรของตนเองให้เหมาะสมกับบริบทของสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งการเพิ่มจำนวนแปลงย่อยของที่ดิน เพื่อการจำหน่ายที่เข้าข่ายการจัดสรรที่ดิน การแก้ไขระยะเวลาการจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และการจัดการสาธารณูปโภค เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันและไม่ให้เกิดภาระกับประชาชน

ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย ได้ยกร่างกฎหมายขึ้นใหม่ โดยกำหนดให้ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรริเริ่มจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินไม่ดำเนินการจัดตั้ง หรือปล่อยปละละเลยให้สาธารณูปโภคของโครงการชำรุดทรุดโทรม หรือได้ละทิ้งหรือหลบหนี หรือเป็นบุคคลล้มละลาย เลิกบริษัทฯ หรือบริษัทฯ ร้างหรือโดยเหตุอื่น กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการบริหารจัดการนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรให้มีมาตรฐานและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน 

พร้อมกันนี้ย้งแก้ไขบทกำหนดโทษสำหรับการฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการของผู้จัดสรรที่ดินให้มีอัตราโทษที่สูงขึ้น เพื่อป้องปรามผู้ประกอบกิจการจัดสรรที่ดินให้ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินในการคุ้มครองสิทธิของประชาชนผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น โดยมีสาระสำคัญ 10 เรื่อง ดังนี้

1. แก้ไขบทนิยาม “การจัดสรรที่ดิน” 

โดยเพิ่มจำนวนแปลงย่อยเพื่อการจำหน่ายที่เข้าข่ายการจัดสรรที่ดินจาก 10 แปลง เป็น 20 แปลง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันที่ส่งผลให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นมากทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจการจัดสรรที่ดินสูงตามไปด้วย และเทียบเคียงจากจำนวนที่ดินแปลงย่อยของโครงการจัดสรรที่ดินขนาดเล็ก (พิเศษ) 

2. แก้ไขจำนวนแปลงย่อยของการแบ่งแยกที่ดิน

โดยแก้ไขจำนวนแปลงย่อยของการแบ่งแยกที่ดินจาก 10 แปลง เป็น 20 แปลง ที่อยู่ในข่ายที่จะต้องยื่นคำขอทำการจัดสรรที่ดิน เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขบทนิยาม “การจัดสรรที่ดิน” 

3. แก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด 

โดยกำหนดเพิ่มผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ร่วมเป็นคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด เพื่อให้สอดคล้องกับองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานคร อีกทั้งสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดมีหน้าที่จัดการควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด

4. แก้ไขหน้าที่ของผู้จัดสรรที่ดิน

โดยแก้ไขหน้าที่ของผู้จัดสรรที่ดินที่จะต้องบำรุงรักษาสาธารณูปโภคตามแผนผังและโครงการที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยมีมาตรฐานไม่ต่ำกว่าเดิม เนื่องจากสาธารณูปโภคมีการเสื่อมสภาพตามการใช้งานตามปกติ การบำรุงรักษาให้คงสภาพดังเช่นที่ได้จัดทำขึ้นก่อนการส่งมอบให้แก่นิติบุคคลจึงเป็นไปได้ยาก 

รวมทั้งกำหนดให้ผู้จัดสรรที่ดินสามารถใช้หลักประกันอย่างอื่นมาค้ำประกันการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคได้ ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินเป็นบุคคลล้มละลาย เลิกบริษัททำให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินไม่ทำสัญญาค้ำประกันให้กับผู้จัดสรรที่ดิน

5. แก้ไขหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพ้นจากหน้าที่บำรุงรักษาสาธารณูปโภคของผู้จัดสรรที่ดิน 

โดยผู้จัดสรรที่ดินต้องส่งมอบเงินตามจำนวนเงินในสัญญาค้ำประกันการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคให้แก่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย และกำหนดหลักการให้ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนแปลงย่อยที่ได้จำหน่ายไปแล้ว

ตามแผนผังโครงการสามารถริเริ่มจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้เอง ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินไม่ดำเนินการให้ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น หรือมิได้ปฏิบัติหน้าที่ในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค (ปัจจุบันมิได้กำหนดเงื่อนไขในกรณีที่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรสามารถจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้เอง)

6. กำหนดให้คณะกรรมการหมู่บ้านจัดสรรเป็นผู้ยื่นคำขอจดทะเบียน

โดยกำหนดให้คณะกรรมการหมู่บ้านจัดสรรที่ได้รับแต่งตั้งจากมติที่ประชุม (ครั้งแรก) เป็นผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร (ปัจจุบันกำหนดให้มีการแต่งตั้งตัวแทนเป็นผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนฯ)

7. กำหนดการแต่งตั้งคณะกรรมการหมู่บ้านจัดสรร

โดยกำหนดให้การแต่งตั้งคณะกรรมการหมู่บ้านจัดสรร (กรณีที่หมดวาระทั้งชุด) การเปลี่ยนแปลงกรรมการ (กรณีที่มีการลาออก ตาย หรือพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอื่น) ต้องนำไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ 

8. แก้ไขการจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

โดยแก้ไขการจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการจัดการสาธารณูปโภคให้จัดเก็บเป็นรายเดือนหรือจัดเก็บตามที่กำหนดในข้อบังคับของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร (ปัจจุบันกำหนดให้มีการจัดเก็บเป็นรายเดือน)

9. แก้ไขสถานที่ปิดประกาศคำขอยกเลิกการจัดสรรที่ดิน

โดยแก้ไขสถานที่ปิดประกาศคำขอยกเลิกการจัดสรรที่ดิน โดยยกเลิกประกาศในหนังสือพิมพ์ซึ่งแพร่หลายในท้องถิ่นนั้น โดยเปลี่ยนให้ลงประกาศทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศของกรมที่ดินแทน (เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน)

10. แก้ไขอัตราโทษของผู้ฝ่าฝืนคำสั่ง

โดยแก้ไขอัตราโทษของผู้ฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมาย ให้มีอัตราโทษสูงขึ้น เป็นต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 1,000,000 บาท (ปัจจุบันกำหนดให้ต้องระวางโทษปรับวันละ 1,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน)