นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน-พระราม 9 (Double Deck) วงเงินประมาณ 35,000 ล้านบาท ปัจจุบัน กทพ.ได้ข้อสรุปผลการเจรจากับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM แล้ว
เบื้องต้นจากผลการเจรจานั้นจะให้ BEM เป็นผู้ลงทุนโครงการ Double Deck โดยปรับลดค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน-พระราม 9 ไม่เกิน 50 บาทตลอดสาย แลกกับการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ให้ BEM ออกไปอีก 22 ปี 5 เดือน
ขณะเดียวกันการเจรจาครั้งนี้ได้รายงานต่อกระทรวงคมนาคมแล้ว หลังจากนั้นจะเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานอัยการสูงสุด,คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ, คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP)
และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและลงนามสัญญากับเอกชนได้ภายในปีนี้ โดยจะเริ่มดำเนินการการก่อสร้างภายในปลายปีนี้ ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี และเปิดให้บริการต่อไป
นายสุรเชษฐ กล่าวต่อว่า กรณีสำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริตสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหนังสือถึงผู้ว่ากทพ.เพื่อขอรับทราบข้อเท็จจริงกรณีกทพ.เจรจากับ BEM เพื่อแก้ไขสัญญาสัมปทานทางพิเศษศรีรัชนั้น ขณะนี้กทพ.ได้ส่งหนังสือชี้แจงกลับไปยังป.ป.ช.แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอต่อครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบ
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับการชี้แจงข้อเท็จจริงของกทพ.ต่อป.ป.ช.นั้น ระบุว่าการดำเนินโครงการทางด่วน Double Deck เป็นโครงการที่ช่วยแก้ปัญหาการจราจรบนทางด่วน
ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเส้นทางนี้ที่มีความหนาแน่นสูงมาก หากให้เอกชนรับผิดชอบลงทุนก่อสร้างโครงการ Double Deck ทั้งหมดแลกกับการขยายระยะเวลาสัมปทานออกไป จะทำให้กทพ.ไม่ต้องสูญเสียงบประมาณ 35,000 ล้านบาท
“กรณีที่รอให้ BEM หมดสัญญาสัมปทานในปี 2578 ก่อน ค่อยเริ่มการเจรจาหรือพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหา จะทำให้เกิดความสูญเสียมากขึ้นตามระยะเวลาที่นานออกไป หากมีการเปิดประมูลใหม่ เชื่อว่าวงเงินลงทุนสูงกว่า 35,000 ล้านบาท เพราะเป็นงานก่อสร้างที่มีความยาก เนื่องจากเป็นการสร้างทางด่วนใหม่คร่อมทางด่วนเดิมที่ยังมีการใช้งานตลอดเวลา”
ทั้งนี้จากผลการศึกษาพบว่า ปัญหาการจราจรติดขัดบนทางด่วนจะสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจมากถึง 7,000 ล้านบาทต่อปี
สำหรับโครงการ Double Deck มีรูปแบบเป็นทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 ซ้อนทับอยู่บนทางพิเศษศรีรัชมีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณทางแยกต่างระดับงามวงศ์วานไปสิ้นสุดโครงการบริเวณถนนพระราม 9 รวมระยะทาง 17 กิโลเมตร (กม.)มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 2 ตำแหน่ง ได้แก่ ด่านเก็บค่าผ่านทางบริเวณประชาชื่นและด่านเก็บค่าผ่านทางบริเวณมักกะสัน
มีทางขึ้น-ลง 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ทางขึ้น-ลงจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณทางแยกต่างระดับงามวงศ์วานทางขึ้น-ลงบริเวณย่านพหลโยธิน และทางขึ้น-ลงจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณโรงพยาบาลพระราม 9และตำแหน่งที่มีเฉพาะทางลงจำนวน 1 ตำแหน่ง ได้แก่ ทางลงบริเวณทางแยกต่างระดับมักกะสัน