นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การปฏิรูประบบภาษีไทยสู่ระบบ Negative Income Tax นั้น กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ศึกษาเรื่องนี้มานานแล้ว ซึ่งกระทรวงการคลังพร้อมสนับสนุนแนวคิด เพื่อที่จะให้เงินสวัสดิการแก่คนทำงาน หรือ Workfare สำหรับคนรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด โดยเป็นการกระตุ้นให้คนทำงาน เพื่อแลกกับการได้รับเงินสวัสดิการจากรัฐ
“คนที่ทำงานและมีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่รัฐกำหนด รัฐจะจ่ายเงินอุดหนุน ในส่วนต่างระหว่างรายได้ของคนๆ นั้น กับเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด อย่างไรก็ตามสำหรับคนไม่มีงานทำ รัฐก็อาจอุดหนุนเงินให้ระดับหนึ่งแต่อาจน้อยกว่าคนที่ทำงาน ซึ่งแนวคิด Negative Income Tax ไม่ใช่เป็น Welfare แต่เป็น Workfare คือต้องงานจึงจะได้รับเงินจากรัฐบาล”
ทั้งนี้ เชื่อว่าหากสามารถนำ Negative Income Tax มาใช้ได้ จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการของรัฐลงได้ และยังสามารถลดความซ้ำซ้อนของสวัสดิการที่รัฐให้กับประชาชน ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 20 สวัสดิการ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ในแต่ละปีใช้งบประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เป็นต้น โดยยืนยันว่าการใช้ Negative Income Tax จะไม่เป็นการสร้างภาระงบประมาณด้านสวัสดิการเพิ่ม เพราะหากใช้ระบบนี้อาจจะไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่จะเดินหน้าระบบ Negative Income Tax นั้น คนที่ต้องการสวัสดิการจากรัฐ จะต้องยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในทุกปี กับกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบรายได้ของคนๆ นั้น ว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลมีข้อมูลรายได้ของประชาชนอยู่เกือบ 30 ล้านคน ได้แก่ กลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.3 ล้านคน และกลุ่มผู้มีเงินได้ยื่นแบบภาษีบุคคลธรรมดาอีก 12 ล้านคน เป็นต้น
ส่วนการเดินหน้าใช้ระบบ Negative Income Tax จะมีระยะเวลาในการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่อยู่ในการปฏิรูปภาษีของกระทรวงการคลัง
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ระบบภาษี Negative Income Tax นั้น ประชาชนทุกคนไม่ว่าจะมีรายได้ถึงเกณฑ์ภาษีหรือไม่ ต้องมายื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อให้สรรพากรทราบข้อมูลรายได้ของประชาชน โดยฐานข้อมูลดังกล่าว จะอำนวยความสะดวกให้รัฐสามารถดูแลประชาชนได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องให้ประชาชนเข้ามาลงทะเบียนขอรับสิทธิ์อีกครั้ง
“การใช้ระบบ Negative Income Tax จะทำให้รัฐสามารถดำเนินการดูแลประชาชนได้เลยอย่างตรงจุด ไม่จำเป็นต้องให้ประชาชนเข้ามาลงทะเบียนรับสิทธิ์อีกครั้ง เช่น หากรัฐบาลมีฐานข้อมูลของประชาชนทั้งหมดแล้ว ถ้าต้องการช่วยเหลือประชาชนที่มีเงินได้ต่อปีน้อยกว่า 1 แสนบาท กรมสรรพากรก็จะคืนเงินให้กับประชาชนที่มายื่นแบบโดยตรงได้เลย หรือกรณีที่รัฐมีโครงการที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มให้กลุ่มหนึ่ง ก็จะทำได้ตรงจุด”
ทั้งนี้ Negative Income Tax จะทำให้ประชาชนเข้ามาอยู่ในระบบภาษีมากขึ้น รวมทั้งคนที่มีรายได้น้อยด้วย หากเกิดขึ้นจริงในประเทศไทยจะเป็นระบบที่ดี อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกจะต้องให้ประชาชนเข้ามาสู่ระบบทั้งหมดก่อน โดยจะต้องมีการพัฒนาระบบ รวมทั้งการแก้กฎหมายของกรมสรรพากรด้วย
ขณะที่หลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดายังใช้เกณฑ์เดิม คือ การคิดอัตราภาษีตามขั้น 5-35% ตามเกณฑ์รายได้ที่กรมสรรพากรกำหนด แต่การใช้ระบบ Negative Income Tax จะทำให้ประชาชนที่ไม่มีรายได้ หรือรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เข้ามาสู่ระบบเพื่อจัดทำฐานข้อมูล