“เงินดิจิทัล” คลังแจกกลุ่มบัตรสวัสดิการก่อน 14 ล้านคน ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่

29 ส.ค. 2567 | 04:55 น.
อัพเดตล่าสุด :29 ส.ค. 2567 | 07:33 น.

คลังคาดแจกเงินดิจิทัล กลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน 14 ล้านบาท ก.ย.นี้ ยันคนเดิมไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ระบุไม่ได้แจกซ้ำซ้อน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะแจกกลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13-14 ล้านคนก่อน ในช่วงเดือน ก.ย. 2567 โดยยืนยันว่ากลุ่มบัตรคนจนเดิมไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ เพราะจะใช้ฐานข้อมูลที่มีอยู่เดิมในการแจกเงินได้เลย

สำหรับการแจกเงินจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มเปราะบางที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินก่อน ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับเงินก่อน ส่วนกลุ่มที่สอง คือ กลุ่มทั่วไปที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการไว้

“ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นโครงการใหญ่ เราจะมีการปรับเงื่อนไขโครงการให้ตรงกับสถานการณ์มากขึ้น อะไรที่กระตุ้นได้ก่อนก็จะกระตุ้นก่อน อย่างไรก็ตามเรื่องของความชัดเจนของนโยบายก็ต้องรอให้รัฐบาลใหม่เป็นผู้แถลงก่อน”

อย่างไรก็ตาม การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน ไม่ได้เป็นการแจกเงินซ้ำซ้อน เนื่องจากเป็นคนละโครงการกัน วิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นคนละแบบ

“รัฐบาลจะมีการเดินหน้าโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อหรือไม่ ก็ไม่ได้มีการปรับอะไร ขึ้นอยู่กับงบประมาณ หากมีงบประมาณเยอะ หรือมีคนลำบาก ก็จะมีการเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ” 

ส่วนเรื่อง negative income tax เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ โดยรายละเอียดต้องนำมาหารือหลังจากมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ อย่างไรก็ตาม มองว่าเป็นคนละโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีรูปแบบไม่เหมือนกัน ซึ่งหากมีการทำ negative income tax จะทำให้คนหลุดจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมากขึ้น

“บัตรสวัสดิการแห่งรัฐดูแลเรื่องกลุ่มเปราะบาง ส่วน negative income tax เป็นตัวเกลี่ยให้ความเหลื่อมล้ำน้อยลง คนที่มีรายได้น้อยก็จะได้รับการจุนเจือมากขึ้น สองโครงการนี้ไม่ได้ผูกกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอการแถลงนโยบาย“

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ขณะนี้ตัวเลขผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐมีประมาณ 13-14 ล้านคน ซึ่งเป็นยอดที่ลดลงจากการลงทะเบียนตอนแรก เนื่องจากกรมบัญชีการมีการอัปเดตข้อมูลผู้เสียชีวิตกับกรมการปกครองทุกเดือน โดยจะตัดตัวเลขผู้เสียชีวิตออกไป ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอกรมบัญชีการอัปเดตอีกครั้งว่าตัวเลขผู้ได้รับสิทธิจะเป็นเท่าไร

ทั้งนี้ ในอนาคตจะต้องมีการทบทวนเกณฑ์ส่วนจะปรับปรุงเงื่อนไขอย่างไร เช่น การปรับปรุงรายได้เท่าไรต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและต้องรอนโยบายของรัฐบาลใหม่อีกครั้ง