นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 นี้ จะขยายตัวได้ประมาณ 2.7-3.0% โดยครึ่งปีหลังจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจากหลากหลายส่วน ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากเม็ดเงินการลงทุนจากกองทุนรวมวายุภักษ์ วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป โดยจะช่วยสนับสนุนตลาดทุนให้กลับมาฟื้นตัว และมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
“เร็วๆ นี้ กระทรวงการคลังจะออกหนังสือชี้ชวน เสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ประเภท ก. วงเงินรวม 1.5 แสนล้านบาท เปิดให้ประชาชนรายย่อยจองซื้อได้ ในช่วงวันที่ 16-20 ก.ย.67 จากนั้นจะเปิดให้นักลงทุนสถาบัน จองซื้อได้ วันที่ 18-20 ก.ย.67 ซึ่งจะทราบผลการจัดสรรหน่วยลงทุนในวันที่ 23 ก.ย.นี้”
ขณะเดียวกัน ยังมีการปรับเกณฑ์เงื่อนไขการลงทุนกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thai ESG ด้วย โดยสามารถเข้าไปลงทุนได้แล้ว ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้ามาลงทุน รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาในตลาดหุ้นไทยอีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการรัฐ ที่คาดว่าจะดำเนินการแจกเงินดิจิทัล ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้พิการภายในเดือนก.ย.67 นี้ รวมจำนวน 14.5 ล้านคน คาดใช้เม็ดเงินประมาณ 1.45 แสนล้านบาท โดยงบประมาณที่ใช้ส่วนหนึ่งมาจากการออกงบประมาณปี 67 เพิ่มเติม วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท
นายลวรณ กล่าวว่า ในเดือนต.ค.67 นี้ จะเป็นการเริ่มต้นงบประมาณปี 68 ซึ่งงบประมาณมีผลบังคับใช้ตามกรอบเวลา ไม่ได้ล่าช้าเหมือนปีงบประมาณ 67 ที่ผ่านมา ส่วนนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุน ทำให้มีเม็ดเงินจากการลงทุน และการเบิกจ่ายภาครัฐลงสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เช่นเดียวกัน
“เฉพาะวงเงิน 1.22 แสนล้านบาท จากงบประมาณปี 67 เพิ่มเติม หากเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ก็มีผลต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นแล้ว 0.3% ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจช่วงครึ่งแรกของปี 67 ก็สามารถขยายตัวได้ในทิศทางที่ดี โดยไตรมาส 2 ขยายตัวอยู่ที่ 2.3% ถ้ารวมกับปัจจัยบวกในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าปีนี้จีดีพีจะเติบโตไม่น้อยกว่า 2.7-3.0% แน่นอน”