นายกฯ แจ้งชัดพร้อมแจกเงิน 10,000 บาท โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ พรุ่งนี้

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567 วันนี้ (24 กันยายน 2567) เป็นวันแรก สำหรับการเปิดช่องทางให้ประชาชนตรวจสอบสิทธิ์รับเงิน 10,000 บาท ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ทางเว็บไซต์ https://โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ2567.cgd.go.th และเตรียมจะเริ่มต้นจ่ายเงินให้กับกลุ่มแรกในวันที่ 25 กันยายน 2567

ล่าสุด ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแจกเงิน 10,000 บาท ผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567 วันพรุ่งนี้ โดยพยักหน้าและบอกสั้น ๆ ว่า "ได้ค่ะ"

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย.) รัฐบาลจะจ่ายเงิน 10,000 บาทโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ไปยังกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ แน่นอน โดยการเข้าไปเช็คสิทธิ์ของประชาชน นั้น เท่าที่ได้รับรายงานยังไม่มีปัญหา

สำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ภาครัฐจะสนับสนุนเงินจำนวน 10,000 บาทต่อคน จำนวนประมาณ 14.55 ล้านราย แบ่งเป็น 

• ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 12.40 ล้านราย 
• คนพิการ จำนวนประมาณ 2.15 ล้านราย 

โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการควรตรวจสอบบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนหรือบัญชีเงินฝากธนาคารให้มีสถานะปกติ (Active) เพื่อพร้อมรับเงินตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป

วันที่กลุ่มเป้าหมายได้รับเงิน 10,000 บาท 

• วันที่ 25 กันยายน 2567 คนพิการ และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้ายเป็นเลข 0
• วันที่ 26 กันยายน 2567 ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้ายเป็นเลข 1-3
• วันที่ 27 กันยายน 2567 ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้ายเป็นเลข 4-7
• วันที่ 30 กันยายน 2567 ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้ายเป็นเลข 8-9

อย่างไรก็ดีในกรณีที่จ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จในครั้งแรก จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 3 ครั้ง ได้แก่ 

• ครั้งที่ 1 วันที่ 22 ตุลาคม 2567 
• ครั้งที่ 2 วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 
• ครั้งที่ 3 วันที่ 22 ธันวาคม 2567 

ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ