นางศิริเพ็ญ เกียรติเฟื่องฟู รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า การดำเนินโครงการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลแห่งอนาคต (Halal Food of the Future) ขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ไทยสู่สากล ในปี พ.ศ. 2567 ในภาพรวมสามารถสร้างมูลค่าทางการค้าได้สูงถึง 335 ล้านบาท
ทั้งนี้ ถือว่าเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการของไทยมีความพร้อมเข้าสู่สนามการแข่งขันในตลาดฮาลาลโลก
อย่างไรก็ดี ในปี 2568 กระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนพัฒนาส่งเสริมผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมฮาลาลเพิ่มเติม เช่น พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศอัจฉริยะอุตสาหกรรมฮาลาล (Halal Intelligence Unit) ประกอบด้วยฐานข้อมูลที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการครอบคลุมในทุกมิติ เร่งขยายตลาดสินค้าและบริการฮาลาลไทย
โดยการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับโลกในภูมิภาคต่าง ๆ เพิ่มขึ้นทั้งภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลแห่งอนาคต (Halal Future Food) เช่น อาหารพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มมุสลิมรุ่นใหม่ พัฒนาผลิตภัณฑ์แฟชั่นฮาลาล โดยมุ่งเน้นด้านการออกแบบ เชื่อมโยงเอกลักษณ์พื้นถิ่น รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ยา สมุนไพร และเครื่องสำอาง เป็นต้น
"ทุกฝ่ายได้ให้การตอบรับที่จะร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลไทย ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานเครือข่ายต่าง ๆ ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ สถาบันอาหาร สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สถาบันส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งทำให้เชื่อมั่นได้ว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามแผน คือ ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตและการส่งออกสินค้าฮาลาลในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Halal Hub) ภายในปี พ.ศ. 2570”
นางศิริเพ็ญ กล่าวอีกว่า การดำเนินโครงการ Halal Food of the Future ดังกล่าว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการปรับตัวของธุรกิจแปรรูปอาหารฮาลาลไปสู่การยกระดับมาตรฐานการผลิตในระดับสากล มุ่งเน้นการจัดทำต้นแบบแนวทางการพัฒนาผู้ประกอบการให้มีความพร้อมในการขอรับรองมาตรฐานฮาลาลตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่วัตถุดิบ เครื่องปรุง อาหารสด การแปรรูป ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในตลาดเป้าหมายที่มีศักยภาพแต่ละภูมิภาคทั่วโลก
โดยใช้จุดแข็งของอัตลักษณ์อาหารไทย (Soft Power) ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน จนสามารถผลิตสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ ปลอดภัย สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และเป็นไปตามหลักการศาสนาอิสลาม เพื่อส่งออกสู่ตลาดสากล และผลักดันให้ประเทศไทยสามารถเป็น 1 ใน 10 ของประเทศผู้ส่งออกอาหารของโลกได้ภายในปี 2570
นางศิริเพ็ญ กล่าวต่อไปอีกว่า ล่าสุดเพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลในภูมิภาคอาเซียนได้กำหนดจัดกิจกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลไทยภายใต้ (ร่าง) แผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทย ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2567 - 2570) ในปี พ.ศ. 2567 (Quick Win) ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินกิจกรรมดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว ประกอบด้วย
“เฉพาะตลาดอาหารฮาลาลโลกปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 61% ของตลาดฮาลาลโลกที่มีมูลค่ารวม 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งครอบคลุมสินค้าและบริการที่หลากหลาย ทั้งอาหาร เครื่องสำอาง แฟชั่น การท่องเที่ยว ประเมินว่าตลาดอาหารฮาลาลโลกจะมีมูลค่าทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 1.89 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 2027"
นอกจากนี้ ในระยะยาวมีแนวโน้มขยายตัวเร็วกว่าอาหารทั่วไป ตามจำนวนประชากรมุสลิมโลกที่จะเพิ่มขึ้น โดยมีตลาดใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง โดยการแข่งขันในตลาดอาหารฮาลาลโลก ส่วนใหญ่เป็นการแข่งขันกันเองระหว่างประเทศ Non-Muslim Country ซึ่งมีอินเดีย บราซิล จีน และสหรัฐฯ เป็นผู้นำตลาด
สำหรับประเทศไทยแม้ว่าจะเป็นผู้ผลิตอาหารรายสำคัญของโลก แต่สัดส่วนในการส่งออกอาหารฮาลาลของไทยยังค่อนข้างต่ำ โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 2.70% ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก”