โอนเงิน 10,000 ไม่สำเร็จ "คนพิการ" 9.3 หมื่นคน เช็คด่วน-เร่งแก้ไขสถานะ

25 ก.ย. 2567 | 06:47 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ย. 2567 | 10:29 น.

“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง เผยโอนเงิน 10,000 บาท รอบแรก จ่ายคนพิการ 9 หมื่นคน ไม่สำเร็จ แนะแก้ไขสถานะภายใน 3 ธ.ค.นี้ ก่อนอดรับสิทธิ พร้อมแจงข่าวลือ ธ.ก.ส.หักเงินไปจ่ายหนี้

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ จำนวนผู้มีสิทธิได้รับเงิน 10,000 บาท ในวันแรก คือ 3,167,565 ราย ซึ่งมีการเริ่มโอนตั้งแต่เวลา 00.00 น. และสำเร็จเสร็จสิ้นราว 07.30 น. แบ่งเป็น

  • ผู้พิการที่ลงทะเบียนกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) 2.1 ล้านราย
  • ที่เหลือคือผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เลขบัตรประชาชนลงท้ายเลข 0

อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์ จึงขอให้รีบดำเนินการให้เรียบร้อยผ่านทาง ATM และสาขาธนาคารที่รับโอนเงิน และยังมีผู้พิการอีก 93,000 กว่าราย ที่ยังมีสถานะต้องไปแก้ไข เช่น บัตรหมดอายุ หรือข้อมูลบัตรผิดพลาด ยังไม่ได้เชื่อมข้อมูลในการรับโอนเงิน ก็ขอให้ประสานกับทาง พม. เพื่อแก้ไขสถานะของบัตรให้เรียบร้อย

“หลังจากนี้ รัฐบาลจะมีการโอนเงินซ้ำให้อีก 3 ครั้ง ภายในวันที่ 22 ต.ค. 22 พ.ย. และ 22 ธ.ค. ขอให้ผุ้พิการเร่งดำเนินการแก้ไขสถานะภายในวันที่ 3 ธ.ค.67 หากกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น แต่หากมีผู้มีสิทธิที่ดำเนินการไม่ครบถ้วนจะถือว่าประสงค์ไม่รับสิทธิกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว”

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

นอกจากนี้ ขอชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าสถาบันการเงินบางแห่ง เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หักเงินประชาชนไปชำระหนี้ ทำให้ถอนเงินออกมาไม่ครบจำนวน 10,000 บาท ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เราไม่มีนโยบายหักเงินเพื่อไปชำระหนี้สินของประชาชน และส่วนตัวก็ได้สื่อสารไปทางผู้บริหาร ธ.ก.ส. และทีมงานอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ในทางปฏิบัติก็ไม่สามารถทำได้

”ขณะนี้ เงินเข้าถึงมือพี่น้องกลุ่มเปราะบาง ก็ขอให้เขาได้มีโอกาสใช้เงินให้เป็นประโยชน์กับชีวิต จากการโอนเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ เชื่อได้เลยว่า ทั้งตลาดสด ตลาดค้าส่ง ตลาดค้าปลีก มีความคึกคักมาก ซึ่งนี่คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าส่งผลบวกต่อจีดีพี 0.35% และหากเฟสที่ 2 เติมเงินให้กับประชาชนถูกจังหวะ ก็จะเป็นแรงเสริมให้กับเศรษฐกิจต่อไป“