ก้าวสำคัญของการผลักดันแหล่งรายได้ใหม่อย่าง “ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” หรือ เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ของรัฐบาล หลังกระทรวงการคลัง เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... เสร็จสิ้นเรียบร้อย และได้สรุปผลการรับฟังความคิดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อร่างกฎหมาย รวมทั้งหมดกว่า 45 ประเด็น
สำหรับผลการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ฐานเศรษฐกิจ ขอขยายความในรายละเอียดเกี่ยวกับการรับฟังความคิดเห็นทั้งหมด 45 ประเด็น สรุปได้ดังนี้
1. ชื่อของร่าง พ.ร.บ.
- มีความเห็นว่าชื่อกว้างเกินไป ควรเจาะจงกว่านี้
- มีข้อเสนอให้แก้ไขชื่อเป็น "พระราชบัญญัติสถานประกอบการท่องเที่ยวครบวงจร" (Integrated Resort Act)
- ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของประเทศอื่นที่มองกิจการประเภทนี้ว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ในเชิงบวกต่อโครงการมากกว่า
4. อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายฯ
- มีความเห็นว่าคณะกรรมการนโยบายมีอำนาจมากเกินไป
- ควรกำหนดให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหาร หรือกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ในร่าง พ.ร.บ. เลย
5. องค์ประกอบของคณะกรรมการบริหาร
- มีข้อเสนอคล้ายกับคณะกรรมการนโยบายฯ
- เพิ่มเติมให้มีผู้แทนจากภาคธุรกิจเอกชนและภาคการท่องเที่ยว
- ควรมีคณะกรรมการบริหารระดับพื้นที่จังหวัดที่มีการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร
6. อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร
- ควรกำหนดให้มีอำนาจในการพิจารณาสั่งยกเลิกสถานบันเทิงครบวงจรในพื้นที่ที่ทำแล้วผลเสียมากกว่าผลดี
- มีความเห็นว่าไม่ควรมีคณะกรรมการบริหาร เนื่องจากเลขาธิการสามารถดำเนินการได้
7. อำนาจหน้าที่ของสำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจ
- ควรกำหนดให้สำนักงานเป็นศูนย์กลางรับคำขอและเอกสารต่างๆ รวมถึงค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
- ควรแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานให้ทำหน้าที่ประสานระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล
8. สถานะของสำนักงาน
- มีความเห็นว่าควรเป็นส่วนราชการสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
9. การใช้เงินและทรัพย์สินของสำนักงาน
- ควรมีความชัดเจนว่าสามารถใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินได้อย่างไรบ้าง
- ควรกำหนดหลักเกณฑ์และสัดส่วนการนำส่งเงินและทรัพย์สินเป็นรายได้แผ่นดิน
- ควรกระจายเงินและทรัพย์สินไปยังพื้นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร
10. คุณสมบัติและการแต่งตั้งเลขาธิการ
- มีความเห็นว่าการกำหนดอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์อาจทำให้ได้เลขาธิการที่ขาดประสบการณ์
- ควรมีกระบวนการที่โปร่งใส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่านี้
11. อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน
- ควรระบุให้ชัดเจนว่าเวลาทำการคือเมื่อใด
- ควรกำหนดให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเรียกเอกสาร หลักฐาน และข้อมูล ด้วย
- ควรกำหนดอำนาจให้สามารถระงับการดำเนินการหรือการบริการชั่วคราวในกรณีที่มีเรื่องร้องเรียน
- มีความเห็นว่าไม่ควรให้อำนาจกว้างๆ เพื่อลดปัญหาการใช้ดุลยพินิจ
12. ประเภทธุรกิจสถานบันเทิงในสถานบันเทิงครบวงจร
- ควรกำหนดเพิ่มจาก 4 ประเภทเป็น 7 ประเภท
- ควรสนับสนุนให้มีพื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทย
- ควรเพิ่มรายละเอียดของแต่ละประเภทธุรกิจ เช่น ขนาดพื้นที่ขั้นต่ำของห้างสรรพสินค้า
- ควรเปลี่ยน "ห้างสรรพสินค้า" เป็น "ศูนย์การค้า"
- ควรกำหนดนิยามของ "สถานที่เล่นเกม" ให้ชัดเจน
- ควรกำหนดให้มีพื้นที่สำหรับส่งเสริมสินค้า OTOP
- ควรเพิ่มประเภทธุรกิจที่พัฒนาประเทศได้มากขึ้น เช่น ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ พิพิธภัณฑ์
13. การกำหนดหลักเกณฑ์การกาสิโน
- ไม่ควรกำหนดให้ต้องขออนุญาต เพื่อความคล่องตัว
- ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าการเล่นต้องใช้บัญชีของตนเองเท่านั้น
- ควรกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับชิป
- ควรกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกติกาและเครื่องมือในการเล่นหรือการพนัน
14. สัดส่วนผู้ถือหุ้นของผู้รับใบอนุญาต
- ควรกำหนดสัดส่วนผู้ถือหุ้นไทยอย่างน้อยร้อยละ 30-51
- ควรกำหนดให้เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่จดทะเบียนในไทย
- ควรป้องกันนอมีนีต่างชาติ
15. กระบวนการคัดเลือกผู้รับใบอนุญาต
- ควรมีการเปิดประมูลโดยชอบธรรม
- ควรเปิดโอกาสให้ต่างชาติมาลงทุน
16. การเปลี่ยนแปลงกรรมการ ผู้บริหาร หรือผู้ถือหุ้น
- ไม่ควรกำหนดให้การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารหรือกรรมการต้องได้รับอนุญาตก่อน หากมีคุณสมบัติครบถ้วน
- ควรอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นได้ในบางกรณี เช่น ไม่เกินร้อยละ 25
17. อายุใบอนุญาต
- มีความเห็นว่า 30 ปีอาจยาวนานเกินไป ควรปรับลดเป็น 10 ปี
- มีความเห็นว่า 30 ปีอาจสั้นเกินไป ควรเพิ่มเป็น 50-60 ปี หรือให้ต่ออายุได้อีก 30 ปี
- ควรเริ่มนับอายุใบอนุญาตจากวันที่เริ่มดำเนินกิจการได้
18. จำนวนใบอนุญาต
- ควรกำหนดให้ชัดเจนไว้ในร่าง พ.ร.บ. โดยไม่ควรกำหนดให้มีใบอนุญาตมากเกินไป เช่น ไม่เกิน 3-7 รายในประเทศไทย
- ควรกำหนดจำนวนใบอนุญาตในแต่ละพื้นที่ เช่น กรุงเทพฯ ไม่เกิน 2-3 ราย นอกกรุงเทพฯ ไม่เกิน 5-7 ราย
19. การรวมศูนย์การพิจารณาตามกฎหมายอื่น
- ควรให้คณะกรรมการนโยบายฯ เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต ให้ความเห็นชอบ หรือเป็นผู้มีอำนาจในการรับจดทะเบียนหรือรับแจ้งตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (One Stop Service)
20. สถานที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร
- ควรกำหนดให้ชัดเจนไว้ในร่าง พ.ร.บ. เช่น ต้องมีที่ตั้งนอกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อกระจายรายได้
- ควรกระจายไปยังภูมิภาคที่มีศักยภาพในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง หัวหิน หรือกรุงเทพมหานคร
21. ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต
- มีความเห็นว่าค่าธรรมเนียมสูงเกินไป อาจทำให้มีผู้ประกอบการจำนวนน้อยราย
- ควรกำหนดเพิ่มค่าใบอนุญาตรายปี
- ไม่ชัดเจนว่าในปีแรกที่ได้รับอนุญาต เมื่อได้ชำระค่าธรรมเนียมครั้งแรกแล้ว จะต้องชำระค่าธรรมเนียมรายปีในปีแรกด้วยหรือไม่
- ไม่ควรกำหนดค่าธรรมเนียมในร่าง พ.ร.บ. เพราะใบอนุญาตมีอายุ 30 ปี อาจไม่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต
22. ค่าธรรมเนียมการเข้ากาสิโน
- กำหนดค่าธรรมเนียมการเข้าเล่นของคนไทยไว้สูงเกินไป ควรกำหนดไว้ประมาณ 1,000 - 2,000 บาท
- ควรพิจารณากำหนดค่าธรรมเนียมการเข้าเล่นรายปีไว้ด้วย โดยอาจกำหนดไว้ประมาณ 20,000 - 40,000 บาท
- ควรกำหนดไม่ให้เพิ่มค่าธรรมเนียมการเข้าเล่นของคนไทยเป็นระยะเวลา 10 ปี เหมือนประเทศสิงคโปร์
- ควรกำหนดค่าธรรมเนียมการเล่นของคนไทยในกาสิโนให้เท่ากันทั่วประเทศ
23. เอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ
- ควรให้คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอในการประมูลเพื่อเข้าประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
24. การโอนสิทธิตามใบอนุญาต
- อาจไม่มีกรณีการโอนสิทธิตามใบอนุญาตให้บุคคลอื่นบางส่วนได้
25. ทุนสำรอง
- ควรกำหนดให้มีการดำรงทุนสำรองขั้นต่ำของผู้รับใบอนุญาต เพื่อเป็นประกันการจ่ายเงินแก่ผู้เล่นพนัน ค่าปรับจากรัฐ และสร้างความเชื่อมั่นต่อธุรกิจกาสิโน
26. สัญญาเช่า
- ไม่ควรอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาเช่าหรือถือครองที่ดินเกินกว่า 25 ปี
27. พื้นที่กาสิโน
- ควรกำหนดพื้นที่การเล่นเกมให้ชัดเจน โดยไม่มากหรือไม่น้อยจนเกินไป
- ควรกำหนดอัตราส่วนของพื้นที่กาสิโนไว้ในร่าง พ.ร.บ. โดยอาจกำหนดไว้ที่ร้อยละ 5 - 20
- ควรกำหนดพื้นที่กาสิโนตามสัดส่วนประมาณการรายได้ของสถานบันเทิงครบวงจร
- พื้นที่กาสิโนควรสามารถเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
28. การยกเว้นกฎหมายอื่น
- ควรกำหนดให้ได้รับยกเว้นจากกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง กฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กฎหมายว่าด้วยควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
29. ประเภทของกาสิโน
- ควรกำหนดให้คณะกรรมการนโยบายฯ มีอำนาจกำหนดการเล่นชนิดอื่นเพิ่มเติมจากมาตรา 52 ได้
- ควรกำหนดให้มีการเล่นมวย หรือม้า
- ควรกำหนดให้มีพนันออนไลน์
- ควรกำหนดให้มี Sport Betting และการเล่นที่ใช้ทักษะของผู้เล่นประกอบด้วย เช่น Poker
- ควรศึกษาว่าประเภทของกาสิโนที่เล่นในต่างประเทศเทียบเคียงด้วย
30. การกำหนดหลักเกณฑ์การกาสิโน
- ไม่ควรกำหนดให้ต้องขออนุญาต เพื่อความคล่องตัว
- ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าการเข้าเล่นหรือเข้าพนันในสถานประกอบการกาสิโนต้องเป็นการเล่นโดยใช้บัญชีของตนเองเท่านั้น
- ควรกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับชิป
- ควรกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกติกาและเครื่องมือในการเล่นหรือการเข้าพนัน เพื่อป้องกันการโกง
31. การเข้ากาสิโน
- ควรกำหนดอนุญาตให้สามารถใช้ข้อมูลชีวภาพ สำหรับควบคุมการเข้าออกสถานประกอบการกาสิโน เพื่อรักษาความปลอดภัย
32. บุคคลที่อาจเข้าสถานประกอบการกาสิโน
- ควรกำหนดให้บุคคลที่จะเข้าสถานประกอบการกาสิโนแสดงรายการบัญชีหรือเงินสดเพื่อที่จะนำไปเข้าเล่นหรือเข้าพนัน
- ควรกำหนดให้เฉพาะคนต่างชาติ หรือคนไทยที่กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศหรือกลับเข้ามาในประเทศไทย เข้าเล่นในสถานประกอบการกาสิโนเท่านั้น
33. สัดส่วนพนักงาน
- ควรกำหนดให้สัดส่วนของพนักงานคนไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
34. การกำหนดลักษณะของพนักงานที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน
- การกำหนดลักษณะของพนักงานที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน อาจก่อให้เกิดภาระกับหน่วยงานของรัฐและผู้ประกอบการ
- ควรกำหนดลักษณะของพนักงานเฉพาะที่เป็นพนักงานระดับบริหารหรือที่มีหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับกาสิโนเท่านั้น
35. การเชิญชวน โฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเกี่ยวกับกาสิโน
- ควรกำหนดให้ชัดเจนในร่าง พ.ร.บ. ว่า ผู้รับใบอนุญาตสามารถจัดให้มีบรรดากิจกรรมส่งเสริมการขายที่กระทำกันตามปกติประเพณีของการประกอบสถานบันเทิงครบวงจรในระดับสากลได้
- ควรกำหนดห้ามมิให้มี Junket โดยควรระบุนิยามของ Junket ไว้ในร่าง พ.ร.บ.
36. หลักประกันการชำระเงิน
- ควรกำหนดให้สามารถนำสิทธิการเช่า และทรัพย์สินอื่น ๆ ในสถานบันเทิงครบวงจร ไปเป็นหลักประกันการชำระหนี้ได้
37. การให้สินเชื่อกับผู้เข้าเล่น
- ควรกำหนดให้สามารถให้สินเชื่อแก่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในสถานประกอบการกาสิโน ไม่ว่าบุคคลดังกล่าวจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ
- ควรกำหนดให้เข้มงวด โดยอาจกำหนดวงเงินที่อาจให้สินเชื่อ อัตราดอกเบี้ย และกำหนดเวลาชำระหนี้
- ควรกำหนดห้ามให้สินเชื่อแก่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในสถานประกอบการกาสิโน ที่เป็นคนไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในไทย
38. บทกำหนดโทษ
- มีความเห็นว่าโทษเบาเกินไป
- ควรกำหนดให้มีโทษพักใบอนุญาต
- ควรเพิ่มค่าปรับของผู้รับใบอนุญาตที่ปล่อยปละละเลยหรือยินยอมให้บุคคลต้องห้ามเข้าไปในสถานประกอบกาสิโน
- ควรกำหนดให้มีโทษอาญาในบางกรณี
- ควรกำหนดให้มีโทษเพิกถอนกิจการ และอายัดทรัพย์สินหรือที่ดินของกิจการที่เพิกถอน
39. การคุ้มครองผลประโยชน์ของนักลงทุน
- ควรมีการคุ้มครองผลประโยชน์ของนักลงทุนในสถานบันเทิงครบวงจรโดยการให้อำนาจสำนักงานในการทำสัญญาเพื่อเยียวยาในกรณีมีการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายหรือเงื่อนไขอื่น ๆ
- การระงับข้อพิพาทควรกำหนดให้ใช้กลไกอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้
40. รายงานบัญชีของผู้รับใบอนุญาต
- ควรกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตเปิดเผยรายงานบัญชีของสถานบันเทิงครบวงจรต่อรัฐสภา เพื่อความโปร่งใส
41. การเสนอขายหุ้นต่อประชาชน
- มีความเห็นว่าควรกำหนดห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยและต่างประเทศ
- หากอนุญาตให้เสนอขายหุ้น ควรกำหนดสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 24.99 เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น แต่ไม่เสียอำนาจในการควบคุมกิจการ
42. การกระจายรายได้จากสถานบันเทิงครบวงจรให้ท้องถิ่น
- ควรกำหนดเงินที่ได้รับจากค่าธรรมเนียมและภาษีเป็นรายได้ของจังหวัด
- ควรมีการกระจายรายได้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่มีการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร
- ควรกำหนดสัดส่วนการจัดสรรรายได้ระหว่างรัฐบาลกลางและท้องถิ่นให้ชัดเจน
43. การจัดตั้งกองทุนเพื่อเยียวยาผลกระทบทางสังคม
- ควรกำหนดให้มีกองทุนเพื่อเยียวยาผลกระทบทางสังคม
- ควรมีคณะกรรมการบริหารกองทุนที่สรรหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนภาคประชาสังคม ผู้แทนภาคประชาชน
- ควรกำหนดให้มีสำนักงานกองทุน
- ควรกำหนดแหล่งที่มาของเงินกองทุน เช่น ส่วนแบ่งจากรายได้ของสถานบันเทิงครบวงจร
- ควรกำหนดวัตถุประสงค์การใช้เงินกองทุนให้ชัดเจน เช่น การป้องกันและแก้ไขปัญหาการพนัน การส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่
44. การฟอกเงิน
- มีความกังวลว่าสถานบันเทิงครบวงจรอาจกลายเป็นแหล่งของการฟอกเงิน
- ควรกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่เข้มงวด
- ควรกำหนดให้มีการตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินที่นำมาใช้ในการเล่นกาสิโน
- ควรกำหนดให้มีการรายงานธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ควรกำหนดให้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
45. ปัญหาด้านสังคม
- มีความกังวลว่าอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านการติดพนัน ความแตกแยกของสถาบันครอบครัว อาชญากรรม ศีลธรรม และความสงบเรียบร้อยของประเทศ
- การตรากฎหมายอนุญาตให้มีกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจรอาจไม่สามารถแก้ปัญหาบ่อนหรือการพนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมายได้
- อาจก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ
- ควรกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมที่อาจเกิดขึ้น เช่น:
- การจำกัดการเข้าถึงของคนไทย
- การให้ความรู้เกี่ยวกับการพนันอย่างรับผิดชอบ
- การจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือผู้ติดการพนัน
- การส่งเสริมกิจกรรมทางเลือกที่สร้างสรรค์ในชุมชน
- การเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่โดยรอบสถานบันเทิงครบวงจร
- การกำหนดให้มีการศึกษาและติดตามผลกระทบทางสังคมอย่างต่อเนื่อง
บทสรุป : สำหรับรายละเอียดทั้งหมด 45 ประเด็นร้อนจากการเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะนำผลการรับฟังความคิดเห็นเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อประกอบการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ต่อไป โดยจะพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. ให้มีความสมบูรณ์และสอดคล้องกับความต้องการของทุกภาคส่วนต่อไป