คนช. นัดแรกเคาะกฎหมายดันป่านอกเขตอนุรักษ์ ตั้งเป็น "ป่าชุมชน"

17 ต.ค. 2567 | 10:35 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ต.ค. 2567 | 10:41 น.

รองนายกฯ “ประเสริฐ” ประธาน ประชุม คนช. นัดแรก ไฟเขียวกฎหมายป่าชุมชน 2 ฉบับ เปิดให้ชุมชนสามารถนำพื้นที่ป่านอกเขตป่าอนุรักษ์ที่อยู่ในพื้นที่อื่นของรัฐมาจัดตั้งเป็นป่าชุมชนได้

วันนี้ (17 ต.ค.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน (คนช.) ครั้งที่ 1/2567 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคประชาชน ภาควิชาการ และองค์กรภาคประชาสังคม เข้าร่วมด้วย

 

คนช. นัดแรกเคาะกฎหมายดันป่านอกเขตอนุรักษ์ ตั้งเป็น \"ป่าชุมชน\"

 

ทั้งนี้ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าในการออกกฎหมายอนุบัญญัติป่าชุมชน ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วจำนวน 23 ฉบับ จากทั้งหมด 29 ฉบับ และได้พิจารณาให้ความเห็นชอบบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด จำนวน 27 จังหวัด รวม 299 คน 

พร้อมทั้งพิจารณาออกกฎหมายอนุบัญญัติป่าชุมชน จำนวน 2 ฉบับ ซึ่งเป็นอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ และการใช้ประโยชน์จากไม้ในป่าชุมชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากประสบเหตุภัยพิบัติสาธารณะหรือมีเหตุจำเป็นเพื่อช่วยเหลือราษฎรเป็นกรณีพิเศษ 

ทั้งนี้หลังจากที่อนุบัญญัติเหล่านี้ได้ประกาศใช้แล้ว จะทำให้ชุมชนสามารถนำพื้นที่ป่านอกเขตป่าอนุรักษ์ที่อยู่ในพื้นที่อื่นของรัฐมาจัดตั้งเป็นป่าชุมชนได้ และสามารถร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนได้ตามที่กฎหมายป่าชุมชนกำหนด นำไปสู่การเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายให้ครัวเรือน รวมทั้งการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยใช้ฐานทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นและจะเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศไทย

 

คนช. นัดแรกเคาะกฎหมายดันป่านอกเขตอนุรักษ์ ตั้งเป็น \"ป่าชุมชน\"

 

ขณะเดียวกันคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนและสมาชิกป่าชุมชน จะสามารถขอใช้ประโยชน์จากไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในป่าชุมชน ภายใต้หลักเกณฑ์ข้อตกลงซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน และได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด 

ทั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากประสบเหตุภัยพิบัติสาธารณะหรือมีเหตุจำเป็นได้ พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนทราบต่อไป

อย่างไรก็ตามรองนายกฯ ยังได้มอบนโยบายคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน (คนช.) เป็นนัดแรก ดังนี้ 

1.ให้ความสำคัญในการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืนในรูปแบบของป่าชุมชน 

2. เร่งสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 และอนุบัญญัติที่ออกมาใช้บังคับ ให้กับภาคประชาชนหน่วยงาน และองค์กรที่เกี่ยวข้อง 

3. เร่งจัดการจัดตั้งป่าชุมชนภายใต้พระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 

4. ให้ความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพให้กับเครือข่ายป่าชุมชนทั่วประเทศ เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการบริหารจัดการป่าชุมชนให้เกิดประสิทธิภาพ 

5. สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการป่าชุมชนอย่างมีส่วนร่วม

6. ส่งเสริมให้พื้นที่ป่าชุมชนเป็นแหล่งดูดทรัพย์ก๊าซาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก ตามที่ประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero emission) ภายในปี ค.ศ. 2065