"ทางหลวงชนบท" ทวง กทม.จ่ายหนี้ค่าเขตทาง สร้างสายสีเขียว-สายสีทอง 177 ล้าน

นายพิชิต หุ่นศิริ รองอธิบดี (ด้านบำรุงทาง) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ขอใช้พื้นที่ชั่วคราว เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทอง

ขณะเดียวกันทช.อนุญาตให้ใช้พื้นที่ โดยสงวนสิทธิ์ สามารถขอพื้นที่คืนได้ กรณี ทช.ต้องการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวสำหรับ การก่อสร้างถนนตามวัตถุประสงค์การเวนคืนที่ดิน ต่อมาเมื่อกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ให้จัดเก็บค่าเช่าใช้พื้นที่

นายพิชิต กล่าวต่อว่า ทช.จึงได้ทำหนังสือถึงกทม.สอบถามถึงการใช้พื้นที่จำนวนเท่าไร เพื่อนำมาคำนวนอัตราค่าเช่าใช้เขตทาง 

ล่าสุด ทช.ได้มีหนังสือแจ้งกทม.เพื่อเรียกเก็บค่าเช่าช้าเขตทางตามระเบียบและขั้นตอนแล้ว ซึ่งกทม.ยังไม่ได้ชำระเข้ามาแต่อย่างใด

ทั้งนี้จากประกาศกฎกระทรวงกําหนดค่าใช้เขตทางพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท และทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. 2564 มีผลบังคับใช้เมื่อ วันที่ 1 มกราคม 2565

ขณะเดียวกันทช.ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลการใช้พื้นที่เขตทาง เพื่อดำเนินการจัดเก็บค่าเช่าตามกฎกระทรวงฯ พบว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีการขอใช้พื้นที่เขตทางของทช. จำนวน 3 จุด

สำหรับพื้นที่ที่ขอใช้เขตทาง 3 แห่ง ดังนี้ บริเวณถนนราชพฤกษ์ และ ช่วงสะพานสาทร เพื่อใช้ในการก่อสร้าง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จากสถานีกรุงธนบุรี -สถานีบางหว้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง ระยะที่ 1 (สถานีกรุงธนบุรี-สถานีคลองสาน)

นอกจากนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง จากสถานีกรุงธนบุรี -สถานีบางหว้า กทม.มีการใช้พื้นที่เขตทางถนนราชพฤกษ์ ซึ่ง ตามกฎกระทรวงฯ คิดค่าใช้พื้นที่เขตทางต่อตารางเมตร ที่อัตรา 1,600 บาท ต่อตรม.

ที่ผ่านมาในเงื่อนไขเป็นระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ประชาชนเข้าถึงได้ โดยเสียค่าบริการ ให้ส่วนลด 50% ทำให้อัตราค่าเช่าอยู่ที่ 64,698,400 บาทต่อปี โดยมีการค้างชำระตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน (เดือนก.ย.2567) รวมวงเงินประมาณ 177,523,800 บาท

ส่วนอาคารสถานีจ่ายไฟฟ้าย่อย บริเวณสถานีบางหว้า พื้นที่เกาะกลาง ถนนราชพฤกษ์ ประมาณ 2,000 ตรม.อัตรา 100 บาทต่อ ตรม.รวมค่าเช่า 200,000บาทต่อปี ได้รับส่วนลด 50% เหลือ ประมาณ 140,000 บาทต่อปี ค้างชำระตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน วงเงินกว่า 400,000 บาท

อย่างไรก็ตามค่าเช่าพื้นที่เขตทาง สำหรับก่อสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้าสายสีทอง ช่วงถนนกรุงธนบุรี เชื่อมต่อถนนเจริญนคร วงเงิน 12.59 ล้านต่อปี ลด 50% เหลือ 6,295,200 บาทต่อปี ค้างชำระตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบันวงเงินเกือบ 20 ล้านบาท