นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วันนี้กทม.ได้นัดหารือกับนายคีรี กาญจนพาสน์ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าให้กับ BTS
ปัจจุบันพบว่ากทม.มีภาระหนี้ที่ต้องชำระให้แก่บีทีเอส จำนวน 4 ส่วน วงเงินรวม 39,324 ล้านบาท ดังนี้
หนี้ส่วนที่ 1 ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายที่ 1 ตั้งแต่เดือน พ.ค.2562 ถึง พ.ค.2564 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือน เม.ย.2560 ถึง พ.ค.2564
หลังจากคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ชำระ 11,755 ล้านบาท ภายใน 180 วัน
พร้อมดอกเบี้ยสําหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) บวก 1% ต่อปี รวมแล้วประมาณ 14,000 ล้านบาทนั้น
นายชัชชาติ กล่าวว่า หนี้ส่วนที่ 1 ที่ต้องชำระให้แก่บีทีเอสนั้น เบื้องต้นกทม.ได้เสนอต่อสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) พิจารณานำงบประมาณสะสมจ่ายขาดมาดำเนินการแล้ว
ขณะนี้สภากทม.ได้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณารายละเอียดต่างๆ คาดว่าจะดำเนินการชำระได้ก่อน 180 วัน
"เราเห็นใจบีทีเอส เพราะเขามีภาระและค่าใช้จ่ายต่างๆทุกวัน โดยกทม.ต้องดำเนินการตามระเบียบและแผนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องเดินหน้าหาทางออกไปด้วยกัน " นายชัชชาติ กล่าว
ขณะเดียวกันหนี้ส่วนที่ 2 ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 ถึง ต.ค.2565 วงเงิน 11,811 ล้านบาท
โดยบีทีเอส ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางวันที่ 22 พ.ย.2565 ปัจจุบันอยู่ขั้นตอนพิจารณาของศาลปกครองกลาง
หากมีคำพิพากษาในทิศทางเดียวกับคดีแรกจะทำให้กรุงเทพมหานคร และบริษัทกรุงเทพธนาคาร จำกัด ต้องชำระอัตราดอกเบี้ยอัตราเดียวกัน
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า กทม.คาดว่าหนี้ส่วนที่ 2 และหนี้ส่วนที่ 3 จะดำเนินการตามแนวทางเดียวกันกับหนี้ส่วนที่ 1
แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบและรวดเร็วมากขึ้น ทั้งนี้กทม.จะตั้งคณะทำงานระหว่างบีทีเอส ,กทม.และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ว่าจะดำเนินการชำระหนี้อย่างไรต่อไป
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ตนได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการของกทม.ดำเนินการพิจารณานำรายได้จากการจัดเก็บค่าโดยสารในส่วนต่อขยายที่ 1
และส่วนต่อขยายที่ 2 มาชำระหนี้ส่วนที่ 2-4 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่บีทีเอส
สำหรับหนี้ส่วนที่ 4 ซึ่งเป็นหนี้ส่วนที่ 4 ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือนมิ.ย.2567 ถึงปัจจุบัน
โดยสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายจะสิ้นสุดปี 2585 ซึ่งตามกำหนดกทม.ต้องชำระทุกวันที่ 20 ของเดือนถัดไป
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ม.44 มีคำสั่งให้นำภาระหนี้ของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 มารวมกัน เพื่อแลกกับการต่อขยายสัญญาณสัมปทานให้บีทีเอส
ซึ่งจะช่วยลดภาระหนี้ของกทมนั้น มองว่าเรื่องนี้ยากมากที่จะดำเนินการต่อสัญญาสัมปทานให้แก่เอกชนรายเดิม
นายคีรี กาญจนพาสน์ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขอบคุณท่านผู้ว่ากทม.ที่นัดหารือในวันนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งทางบีทีเอสยืนยันว่ารอได้
"เราเข้าใจว่ากทม.ดำเนินการเรื่องนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่บีทีเอส เชื่อว่ากทมเข้าใจในความลำบากของบริษัทที่เสียสละเดินรถมาถึงทุกวันนี้ แม้ว่ายังไม่ได้รับค่าจ้างเดินรถก็ตาม" นายคีรี กล่าว
นายคีรี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้กทม.และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ชำระหนี้เดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวแก่บีทีเอส
ทั้งนี้บริษัทหวังว่าจะได้รับการชำระเงินคืนจากกทม.และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ให้เร็วที่สุดเพื่อที่บริษัทได้ให้บริการและดำเนินกิจธุรกิจต่อไป