เหตุผล "ราคาทองคำ" พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จ่อดีดแรง 3,000 ดอลลาร์

22 ต.ค. 2567 | 04:39 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ต.ค. 2567 | 04:44 น.

เหตุผลราคาทองคำถึงพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักวิเคราะห์คาดการณ์ราคาทองพุ่งต่อเนื่องถึงปีหน้าอาจพุ่งถึง 3,000 ดอลลาร์

ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องด้วยความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางและการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้ลงทุนมองหาที่หลบภัยที่ปลอดภัย

ล่าสุด ซิตี้ รีเสิร์ช (Citi Research) ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในช่วง 3 เดือนข้างหน้าขึ้นสู่ระดับ 2,800 ดอลลาร์/ออนซ์ จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2,700 ดอลลาร์ และคาดว่าในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้านี้ ราคาทองจะทะยานขึ้นจนถึงระดับ 3,000 ดอลลาร์ ความเป็นไปได้ก็คือ ตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และแรงซื้อกองทุน ETF ทองคำ

ราคาทองคำพุ่งขึ้นประมาณ 32% ตั้งแต่ต้นปี 2024

เป็นการแซงหน้าการเติบโต 23% ของ S &P 500 และการเติบโต 28% ของ Nasdaq ซึ่งเน้นเทคโนโลยีในช่วงเวลาเดียวกัน

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งต่อเนื่องกันหลายเดือนนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ

เมื่อเดือนที่แล้ว เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี โดยมีโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25 จุดในเดือนหน้า โดยอิงตามเครื่องมือ FedWatch ของ CME ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดความรู้สึกของตลาด อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมักจะสอดคล้องกับราคาทองคำที่สูงขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญบางคน ยังมองว่า ราคาทองคำที่สูงขึ้นนั้นเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่สบายใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้นในอนาคต โดยเสริมว่า การรับรู้ถึงความไม่มั่นคงของโลกมักทำให้ผู้ลงทุนซื้อทองคำเพื่อใช้เป็นช่องทางในการปกป้องเงินทุนของตนในสินทรัพย์ที่มีอายุนับพันปีซึ่งถือว่าไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจโลก

ธนาคารกลางซื้อทองคำมากกว่า 1,000 ตันช่วง 2 ปี

นักวิเคราะห์ยังชี้ให้เห็นถึง การซื้อทองคำสำรองของธนาคารกลาง ตลอดจนความต้องการอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงจากความไม่สงบทั่วโลก แต่บางคนเตือนว่า ราคาทองคำมักมีการผันผวนเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน ทำให้ผู้ลงทุนจับจังหวะตลาดได้ยาก

สภาทองคำโลก พบว่า ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำมากกว่า 1,000 ตันในช่วงสองปีที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นไม่เคยมีใครข้ามขีดจำกัดดังกล่าวมาก่อน

จีนอยู่ในอันดับต้นๆ ของรายชื่อประเทศที่ต้องการเพิ่มปริมาณสำรองทองคำเพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ จนถึงเดือนพฤษภาคม ธนาคารประชาชนจีนได้ซื้อทองคำติดต่อกันเป็นเวลา 18 เดือน

อย่างไรก็ตาม สภาทองคำโลก เปิดเผยเมื่อเดือนกรกฎาคม ว่า การซื้อทองคำของธนาคารกลางชะลอตัวลงในช่วงกลางปีนี้ โดยธนาคารกลางจีนได้ระงับการซื้อทองคำในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา