"วีริศ" จ่อลงนาม MOU โอนถนนโลคัลโรด รังสิต ดึง อบจ.ปทุมธานี ดูแล

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การรถไฟฯ เตรียมหารือเพื่อลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เพื่อส่งมอบถนนโลคัลโรด ช่วงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ – สะพานปทุมธานี – รังสิต ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นผู้ดูแลและปรับปรุงบำรุงรักษาถนนดังกล่าว

"เชื่อว่าจะก่อเกิดประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนทั้งในจังหวัดปทุมธานี และพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนผู้ที่สัญจรไปมาในเส้นทางดังกล่าว ที่จะได้รับความสะดวก ปลอดภัยในการใช้รถ ใช้ถนน" นายวีริศ กล่าว

สำหรับถนน Local Road ช่วงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ – สะพานปทุมธานี - รังสิต สร้างขึ้นในพื้นที่ของการรถไฟฯ เมื่อปี 2541 ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์

ต่อมาในปี 2556 การรถไฟฯ ได้ปรับปรุงขยายถนนเพื่อรองรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงจนแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2565

ที่ผ่านมา การรถไฟฯ ได้ส่งมอบถนนในพื้นที่ของการรถไฟฯ ให้กับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญดูแลอย่างต่อเนื่อง อาทิ การส่งมอบถนนกำแพงเพชรช่วง 1- 4 ให้กับกรุงเทพมหานครดูแล ตั้งแต่ปี 2542

ส่วนถนนกำแพงเพชร 5 ช่วงสถานีสามเสนถึงด้านหลังอาคารกรมทางหลวง อยู่ระหว่างเตรียมส่งมอบพื้นที่เพื่อใช้สำหรับก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

ขณะที่ถนนกำแพงเพชร 6 ช่วงบางซื่อ – รังสิต และช่วงรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต2) นั้น อยู่ระหว่างการจัดทำหนังสือส่งมอบให้กับกรุงเทพมหานครเช่นกัน

นายวีริศ กล่าวต่อว่า การรถไฟฯ จะบูรณาการความร่วมมือกับกรมทางหลวงชนบท (ทช.)ในการตั้งด่านตรวจชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ บริเวณก่อนจุดเชื่อมต่อกับถนนกำแพงเพชร 6 เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและควบคุมน้ำหนักของรถบรรทุกไม่ให้น้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตามมาตรการของกระทรวงคมนาคม

ทั้งนี้การร่วมมือกับทช.เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษาถนน รวมถึงพื้นผิวจราจรให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้รถใช้ถนนในระยะยาวนั้น

นายวีริศ กล่าวต่อว่า หากพบว่ามีการฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป นอกจากนี้ จะดำเนินการติดตั้งคานเหล็กกั้นจำกัดความสูง เพื่อไม่ให้รถบรรทุกขนาดใหญ่เข้ามาวิ่งในพื้นที่ถนนโลคัลโรดด้วย

ขณะเดียวกันในปัจจุบันถนนสายดังกล่าวมักจะมีรถบรรทุกใช้ในการสัญจรค่อนข้างมาก และบ่อยครั้งที่พบว่ามีการบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนด

นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ถนนและพื้นผิวจราจรชำรุดเสียหายก่อนเวลา สร้างความอันตรายให้กับประชาชนผู้ใช้เส้นทางสัญจรไปมา ตลอดจนทำให้ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการบำรุงซ่อมแซมอีกด้วย