“พิชัย” รมว.คลัง อยากเห็นเงินเฟ้อ 2% สั่งธปท. ออกมาตรการหนุนเศรษฐกิจโต

29 ต.ค. 2567 | 09:54 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ต.ค. 2567 | 16:27 น.

“พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และรมว.คลัง ชี้อยากเห็นเงินเฟ้อจริง 2% สั่ง ธปท. ออกมาตรการหนุนเศรษฐกิจโต ดูแล “ลงทุน-ดอกเบี้ย-หนี้ครัวเรือน-อัตราแลกเปลี่ยน”

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังหารือ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องการปรับกรอบเงินเฟ้อ ปี 68 ว่า เราได้หารือทิศทางนโยบายทางการเงินว่าควรจะเป็นอย่างไร เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจไทยเติบโตไม่สูง ก่อนที่รัฐบาลเข้ามา จีดีพีโต 1.9-2%  และคาดว่าเศรษฐกิจปี 67 จะขยายตัว 2.7% ส่วนปีต่อไปนั้น หากเรายังเดินตามปกติ อาจจะเห็นจีดีพีไทย เติบโตที่ 3% ได้

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

อย่างไรก็ตาม อะไรที่สามารถทำได้ ก็ควรจะต้องทำ เพราะเราอยากเห็นเศรษฐกิจเติบโต ธปท. ก็เล็งเห็นเจตนาของเรา ซึ่งธปท. มีวัตถุประสงค์เช่นเดียวกัน คือ การออกนโยบายทางการเงินมาเพื่อสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งนี้ ต้องดูแลค่าของอัตราแลกเปลี่ยน และนโยบายการเงินให้เอื้ออำนวย และสอดคล้องการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการกำหนดกรอบเงินเฟ้อไว้ ซึ่งส่วนตัวไม่ติดอะไร หากจะเป็น 1.5-3.5% มองว่าไม่มีผลถ้าอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงออกมาต่ำกว่า 1% ฉะนั้น จึงได้มีการมอบโจทย์ให้กับ ธปท. ให้มีมาตรการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อทำให้เงินเฟ้อขยับขึ้นไปในจุดที่เหมาะสมใกล้เคียงค่ากลางที่ 2% เป็นต้น

นายพิชัย กล่าวว่า มาตรการที่จะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นไปที่ 2% ได้แก่ มาตรการที่จะสนับสนุนการลงทุน ซึ่งรัฐบาลผลักดันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะทำให้เกิดแรงจูงใจในการลงทุน คือ อัตราดอกเบี้ย การดูแลเรื่องหนี้ครัวเรือนของประเทศ

นอกจากนี้ ยังได้ฝากว่าการลงทุนหลายๆ อย่างพึ่งพาตลาดต่างประเทศ และธุรกิจบางส่วนพึ่งพาการส่งออก ฉะนั้น จึงมอบโจทย์ให้ดูในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ให้สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้

“ตามหลักการข้างต้น เรามอบหมายให้ ธปท. ไปพิจารณาดู แล้วนำกลับมาเสนอคลังอีกครั้ง และเราจะรีบดู บนหลักการมาตรการทางการเงิน และมาตรการทางการคลังจะต้องเดินด้วยกัน โดยจะต้องสรุปกรอบเงินเฟ้อ ปี 68 ภายในเดือนธ.ค.นี้ แล้วจะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เร็วที่สุด”

ทั้งนี้ มองว่าหากไม่มีมาตรการบนหลักการที่กล่าวมาข้างต้นนั้น การที่จะทำให้เงินเฟ้อขยับไปถึงค่ากลางก็เป็นไปได้ยาก เพราะเรามองว่า การที่จะทำให้ประเทศเจริญเติบโต จะต้องมีการลงทุน แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง และแน่นอนว่า สิ่งที่นักลงทุนอยากเห็น คือ กลุ่มที่เป็นหนี้ครัวเรือนเริ่มลืมตาอ้าปากได้ ดอกเบี้ยมีแนวโน้มลง และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับเหมาะสม ซึ่งหากดำเนินการสิ่งเหล่านี้ เงินเฟ้อจะขยับขึ้นเอง