นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เชื่อว่าจะกระทบต่อด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจมีการบังคับใช้มาตรการ "America First" อย่างเข้มงวด ซึ่งเคยก่อให้เกิดปัญหาต่อการค้าระหว่างประเทศมาแล้วในสมัยก่อน
“ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายที่เข้มงวดขึ้นกับประเทศคู่ค้า โดยเน้นการคุ้มครองผลประโยชน์ของสหรัฐ เป็นหลัก ด้วยมาตรการที่เสมือน "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" ซึ่งนโยบายนี้อาจก่อให้เกิดสงครามการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงอาจมีการบังคับใช้กฎหมายที่จำกัดการค้าระหว่างประเทศกับสหรัฐ อย่างเข้มงวด โดยประเทศไทยซึ่งมีความพึ่งพิงด้านการส่งออกสูง อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการเหล่านี้”
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองเชิงบวก นายแสงชัยมองว่า หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ไทยอาจมีโอกาสดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนในประเทศต่าง ๆ อาจย้ายฐานการผลิตมาที่ไทยเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญปัญหาด้านการค้ากับสหรัฐ
“โอกาสที่ไทยอาจเป็นฐานการลงทุนใหม่สำหรับกลุ่มนักลงทุนจากตะวันออกกลางและแอฟริกา หากสถานการณ์ทางการค้าของกลุ่มประเทศเหล่านั้นมีความขัดแย้งกับสหรัฐ ซึ่งประเทศไทยอาจได้รับการพิจารณาเป็นศูนย์กลางของการค้าและการลงทุนในภูมิภาคนี้”
ทั้งนี้ ไทยมีข้อได้เปรียบในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน แรงงานทักษะสูง และทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นจุดดึงดูดที่แข็งแกร่งเมื่อต้องแข่งขันกับประเทศอย่างเวียดนาม
ดังนั้นสิ่งสำคัญคือไทยต้องพัฒนาและปรับปรุงขีดความสามารถของแรงงาน พร้อมเตรียมระบบคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อมรองรับการลงทุนที่อาจเพิ่มขึ้น และยังเน้นว่า การเชื่อมโยงระหว่างเอสเอ็มอีกับเขตเศรษฐกิจพิเศษสามารถสร้างห่วงโซ่คุณค่าที่จะส่งเสริมการกระจายรายได้ไปยังท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ไทยควรให้ความสำคัญของการเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในแง่ที่ไทยยังตามหลังเวียดนามในด้านนี้ เขาเชื่อว่าหากสามารถพัฒนาความพร้อมในด้าน FTA ได้ ไทยจะสามารถสร้างเสน่ห์ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ และได้รับสิทธิประโยชน์จากการค้าระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น