นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งขึ้นเป็นประธานาธิปดีสหรัฐอเมริกา มีนโยบายหลักคือ อเมริกาต้องมาก่อน (America First) จึงประเมินเบื้องต้นถึงสถานการณ์ที่อาจเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้น คือ 1.การผลิตอะไรก็ตามที่อเมริกาสามารถทำได้ในต่างประเทศจะถูกดึงกลับไปผลิตที่อเมริกา ส่วนสินค้าจากประเทศอื่นจะมีกำแพงภาษีสูงขึ้น
2.ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภคนำเข้าสหรัฐฯ จนเกินดุลการค้าจะถูกขึ้นภาษี และแน่นอนว่าเริ่มต้นที่สินค้าจากประเทศจีนเป็นอันดับแรก ถัดมาคือประเทศอื่นๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีประเทศไทยด้วย กรณีนี้ต้องจับตาดูว่าจะกระทบกับเรื่องเงินเฟ้อหรือไม่อย่างไร
สิ่งสำคัญคือสงครามการค้าการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนทำให้เกิดผลกระทบไปทั่วโลก เพราะหากจีนถูกตั้งกำแพงภาษีสูงหรือไม่สามารถขายสินค้าจีนไปยังสหรัฐฯได้ จีนอาจจะย้ายฐานการผลิตสินค้าและบุกตลาดในภูมิภาคอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน และแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียนต้องดูว่า สินค้าจีนจะเข้ามาเป็นแค่ทางผ่านของตลาดหรือเข้ามาผลิตส่งขายเอง เช่น กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
“นโยบายของสหรัฐค่อนข้างชัดเจน ว่าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หรือชิปต่างๆ ที่ผลิตจากจีน จะไม่ให้นำเข้าอย่างเด็ดขาดและไม่ให้เป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์ใดก็ตาม ไม่ว่าจะอ้อมไปยังไงก็ไม่มีทางเข้าสหรัฐได้ ขณะที่สินค้าประเภทอื่นน่าจะต้องรอดูว่าอะไรมีความจำเป็นที่ต้องใช้ในสหรัฐ และต้องใช้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งอัตราภาษีคงแตกต่างกันไป นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รัฐต่อรัฐ เอกชนต่อเอกชน หากมีความชัดเจนแล้วจะส่งผลต่อประเทศไทย ฉะนั้นผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว”
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า โดยความคิดเห็นส่วนตัวต้องจับตาดูนโยบายประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาว่าจะมีอะไรบ้างหลังจากนี้ เพราะหากการค้าติดลบเรื่องภาษีแต่ก็ยังมีโอกาสที่ซ่อนอยู่ ถ้าสินค้าจีนถูกปฏิเสธแต่สินค้าจากประเทศอื่นยังไปได้ ขณะเดียวกันสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน น่าจะเบาบางลง เพราะนโยบายการหาเสียงของทรัมป์ ได้ชูเรื่องนี้เป็นประเด็นแรกๆ ที่จะถูกคลี่คลาย ส่วนฝั่งอิสราเอลน่าก็จะขึ้นอยู่กับการพูดคุยและการเจรจาต่อไป
ฉะนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องทำหลังจากนี้คือ การผลิตสินค้าที่คงคอนเซ็ปต์ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในตลาดทางฝั่งยุโรปได้ ส่วนเรื่องภาษีต้องยอมรับในช่วงแรกว่าอาจทำให้ยอดขายสินค้าไทยและประเทศอื่นๆ ดรอปลง และประเด็นสำคัญคือเตรียมรับมือกับสินค้าจีน ทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ หากสินค้าจีนสามารถทดแทนสินค้าไทยได้จะต้องเชิญกับสงครามราคาอย่างแน่นอน เพราะสินค้าจีนมักมีราคาถูกกว่าสินค้าไทย
อย่างไรก็ตาม ภาวะของเศรษฐกิจไทยในตอนนี้ถือว่ายังไม่ฟื้นตัวดีนัก ภาคธุรกิจและการส่งออกยังแข่งขันสูง แม้ไตรมาสสุดท้ายจะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว อาศัยงบประมาณจากภาครัฐ แต่โดยภาพรวมยังไม่หวือวาเท่าที่ควร