แหล่งข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.สัญจร วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ได้มีการหารือวาระลับ โดยกระทรวงการคลัง เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอนุมัติให้กระทรวงการคลังดำเนินการขายหน่วยลงทุนที่กระทรวงการคลังถืออยู่ในกองทุนวายุภักษ์บางส่วน คืนกองทุนวายุภักษ์ กรอบวงเงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้ไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TG ที่จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 4.48 บาท ให้ผู้ถือหุ้นเดิม พนักงาน และบุคคลในวงจำกัด มูลค่ารวม 4.4 หมื่นล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่กระทรวงการคลังต้องขายหน่วยลงทุนที่ถือคืนให้กับกองทุนวายุภักษ์ เพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนการบินไทย เนื่องจากไม่ได้มีการตั้งงบประมาณสำหรับการซื้อหุ้นเพิ่มทุนการบินไทยเอาไว้ จึงต้องหาแหล่งเงินอื่นมาซื้อ ซึ่งทางกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นควรที่จะขายหน่วยลงทุนที่ถืออยู่ในกองทุนรวมวานุภักษ์ เพื่อนำเงินมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของการบินไทย
แหล่งข่าว ระบุว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้แจ้งเรื่องนี้ต่อที่ประชุมครม.สัญจรพร้อมทั้งได้สอบถามเรื่องนี้กับทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว และได้รับแจ้งว่า สามารถดำเนินการได้เพราะทั้งหมดเป็นไปตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้กระทรวงการคลัง รายงานว่า ตามแผนฟื้นฟูการบินไทย ประเมินว่า เมื่อมีการแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มเติมจากสิทธิแปลงหนี้เดิมเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนรวมถึงดอกเบี้ยตั้งพักเพิ่มเติม และมีการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเต็มจำนวน สัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจ รวมจะอยู่ที่ 12,697,586,665 หุ้น 38% แบ่งเป็นกระทรวงการคลัง จำนวน 11,010,143,113 หุ้น คิดเป็น 32.9% หน่วยงานรัฐวิสาหกิจจำนวน 1,687,443,552 หุ้น 5.0%
ล่าสุด นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ การบินไทย ยอมรับว่า ได้เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,822.5 ล้านหุ้น โดยจะมีเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของการบินไทยก่อนการปรับโครงสร้างทุน ทั้งพนักงานของบริษัทฯ และบุคคลในวงจำกัด มีมูลค่าไม่เกิน 44,004.7 ล้านบาท โดยกำหนดราคาเสนอขายที่ 4.48 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะดำเนินการในระหว่างวันที่ 6 – 12 ธันวาคม 2567 นี้