นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดกรณีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเรื่องการสรรหาประธานธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดธปท.) โดยเฉพาะนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ว่าขัดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติหรือไม่ เท่าที่ทราบจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แจ้งว่า ยังไม่เห็นหนังสือตอบกลับจากกฤษฎีกาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ามีกระบวนการรองรับ สำหรับการสรรหาประธานบอร์ด ธปท. ไม่มีอะไรน่าห่วง ซึ่งยอมรับว่า จากเหตุการณ์ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่พ้นจากตำแหน่ง เพราะการแต่งตั้งบุคคลนั้น ส่งผลให้รัฐบาลให้ความสำคัญเกี่ยวกับการแต่งตั้งบุคคลทางการเมืองมาก
“ตอนนี้ การสรรหาบุคคลต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้น ตรวจซ้ำซ้อนหลายๆครั้ง เพื่อความแน่ใจ โดยเฉพาะข้าราชการทางการเมือง ตรวจซ้ำถึง 14 หน่วยงาน เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์ซ้ำรอยอีก”
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Kittiratt Na Ranong" หลังกรณีกระแสข่าวที่คณะกรรมการกฤษฎีกาตีตกคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า
"ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ผมไม่มีอะไรค้างคาใจ ผมได้อาสาทำงานให้ประเทศแล้ว ไม่เคยขลาดกลัวหนีหายเอาตัวรอด กราบขอบพระคุณท่านปลัดกระทรวงการคลังที่เชื่อว่าผมจะทำหน้าที่ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดีจนเสนอชื่อเข้าสู่การคัดเลือก และกราบขอบพระคุณกรรมการคัดเลือกเสียงข้างมากที่มีมติคัดเลือกผม เพื่อนำสู่การพิจารณาของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่วนการพิจารณาใดๆ จากขั้นตอนดังกล่าวย่อมเป็นสิทธิและหน้าที่ของผู้พิจารณา ผมเคารพการตัดสินใจครับ"
ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ เป็นประธานคณะกรรมการธปท. ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังรอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตอบความเห็นกลับมาก่อน คาดว่าจะมีข้อสรุปภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้
"การนำรายชื่อเข้าครม. หน่วยงานต้นสังกัดที่ควรเสนอต้องตรวจคุณสมบัติก่อน จะเหลือเพียงในส่วนของคณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้กฤษฎีกาคงจะให้ความเห็นกลับมาว่าสุดท้ายแล้วเป็นอย่างไร แล้ววันนั้นก็คงจะทราบ เพราะที่ผ่ายมามีความเห็นของคนโน้นบ้างคนนี้บ้าง จึงต้องรอฟังความเห็นของทางกฤษฎีกา"