ดีเดย์ 1 ม.ค.68 พาณิชย์เชื่อมข้อมูล ปปง. สกัดบัญชีม้า สกรีนชื่อคนตั้งบริษัท

30 ธ.ค. 2567 | 03:50 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ธ.ค. 2567 | 03:52 น.

พาณิชย์ คลอดหลักเกณฑ์เชื่อมข้อมูล ปปง. เช็คบุคคลมีชื่อตาม HR-03 ก่อนจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล หากพบต้องแสดงตัวต่อนายทะเบียน ป้องปรามกลุ่มเสี่ยงเล็ดรอดเปิดบัญชีม้านิติบุคคล เริ่ม 1 ม.ค.68 นี้

วันนี้ (30 ธันวาคม 2567) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมฯ ได้เชื่อมโยงข้อมูล HR-03 ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) ซึ่งเป็นรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงินควรได้รับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

พร้อมทั้งออกคำสั่งเรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดของบุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทำความผิดมูลฐานตามรายชื่อของ สำนักงาน ปปง. 

 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

 

ทั้งนี้เพื่อให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทนำข้อมูลดังกล่าวไปตรวจสอบเมื่อมีการยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล ทั้งรูปแบบ Walk-in หรือ ออนไลน์ผ่านระบบ e-Registration/Biz Regist ว่ารายชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ หรือกรรมการที่ระบุในคำขอจดทะเบียนนั้นเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในข้อมูล HR-03 ของสำนักงาน ปปง. หรือไม่

อย่างไรก็ตามเมื่อนายทะเบียนตรวจพบว่าเป็นบุคคลที่ปรากฏรายชื่ออยู่ในบัญชี HR-03 จะชะลอการจดทะเบียนตามคำขอจัดตั้งนิติบุคคลดังกล่าวนั้นไว้ก่อน และเชิญให้บุคคลดังกล่าวมาแสดงตัวต่อหน้านายทะเบียน ณ หน่วยงานที่ยื่นคำขอจดทะเบียน (ส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลาง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 1-6 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด) เพื่อยืนยันความมีตัวตน

พร้อมเอกสารแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวข้าราชการ หรือบัตรประจำตัวพนักงานองค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือหนังสือเดินทาง/เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือเอกสารอื่นที่ใช้แทนเอกสารดังกล่าวได้ตามกฎหมาย โดยเอกสารหลักฐานจะต้องยังไม่หมดอายุ 

ทั้งนี้ หากผู้ขอจดทะเบียนไม่แสดงตัวจะถือเป็นเหตุให้นายทะเบียนสามารถปฏิเสธคำขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลกรณีนั้นๆ ได้ โดยคำสั่งฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป

นางอรมน กล่าว การออกคำสั่งฯ ดังกล่าวถือเป็นอีก 1 มาตรการของกรมฯ ที่ช่วยสกัดกั้นตั้งแต่ต้นทางไม่ให้มิจฉาชีพเข้ามาแสวงหาประโยชน์กับการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล หลังพบมิจฉาชีพใช้การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลมาสร้างความน่าเชื่อถือไปหลอกลวงประชาชนและใช้ความคล่องตัวในการทำธุรกิจ โดยนำหลักฐานการจดทะเบียนนิติบุคคลไปเปิดบัญชีธนาคารมาใช้รับเงินและหลบเลี่ยงการตรวจสอบทางการเงินจากธนาคาร ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก

“ขณะนี้กรมฯ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลและลงพื้นที่ตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานที่มีผลบังคับใช้กฎหมายในการจับกุมอย่างกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เพื่อช่วยกันยับยั้งไม่ให้คนกลุ่มนี้ทำลายระบบเศรษฐกิจของไทยและประชาชนคนไทย” นางอรมน ระบุ