วันนี้ (4 ธันวาคม 2567) นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมการแถลงข่าว เปิดยุทธการทลายรังมังกรเทา Nominee Sweep ep. 2 ณ ห้องประชุมชัยจินดา อาคารประชาอารักษ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยเป็นผลจากความร่วมมือจากการบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้ MOU การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)
นายนภินทร กล่าวต่อว่า การแถลงข่าวครั้งนี้เป็นการจับกุมผู้กระทำผิดที่มีลักษณะนอมินีและบัญชีม้านิติบุคคล โดยหน่วยงานภายใต้ CIB คือ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ตรวจสอบบริษัทนิติบุคคลที่มีแนวโน้มเข้าข่ายการกระทำความผิดร่วมกับกรมฯ พร้อมลงพื้นที่ตรวจค้นในพื้นที่ อาทิ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และสมุทรสาคร พบนิติบุคคลเข้าข่ายกระทำความผิด จำนวน 442 ราย
ทั้งนี้ สำหรับโดยประกอบธุรกิจประเภท ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต นำเที่ยว โกดัง/คลังสินค้า รับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล ถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยผิดกฎหมาย และหลายบริษัทไม่มีกิจการอยู่จริง โดยมีแผนประทุษกรรม 2 รูปแบบ ประกอบด้วย
ทั้งนี้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรมฯ และผู้กระทำผิดจะต้องได้รับโทษคือ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจ ของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 ตามมาตรา 36 กรณีคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนคนต่างด้าวให้กระทำ ความผิด และมาตรา 37 กรณีคนต่างด้าวที่ประกองธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษ ปรับรายวัน วันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน
นอกจากนี้ ถ้าตรวจพบว่าสำนักงานบัญชี หรือผู้ทำบัญชีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด โดยใช้เอกสารประกอบการทำบัญชีที่ไม่ถูกต้อง จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 มาตรา 20 ซึ่งจะมีอัตราโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท รวมถึง พ.ร.บ.วิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547
สำหรับสำนักงานบัญชี หรือผู้ทำบัญชี มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ที่กำหนดโดยสภาวิชาชีพบัญชี และหากผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี หรือผู้ซึ่งขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชีไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณที่กำหนดตามพระราชบัญญัตินี้ให้ถือว่าผู้นั้นประพฤติผิดจรรยาบรรณ ต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด
ปัจจุบันผู้กระทำผิดได้ใช้กลวิธีจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล โดยใช้ชื่อคนไทยเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น และนำบัญชีม้านิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีทางการเงินรับโอนเงินหรือฟอกเงินซึ่งหลบเลี่ยงการกระทำความผิด โดยปัญหานี้ได้สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมาก และสร้างความเดือนร้อนกับประชาชนไทย กระทรวงพาณิชย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานภายใต้คณะอนุกรรมการฯ อีก 9 หน่วยงาน จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และกำจัดนอมินีให้หมดจากประเทศไทย
"ขอเตือนไปยังสำนักงานบัญชีที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้กระทำผิดและเน้นย้ำให้คนไทยระมัดระวังไม่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวเหล่านั้นเข้ามาประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย หากตรวจสอบพบการกระทำผิดก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป และขอขอบคุณพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์อย่างเต็มที่ในการป้องปรามนอมินีและแก้ไขปัญหาบัญชีม้านิติบุคคลซึ่งเป็นเรื่องท้าทายการทำงานของหน่วยงานภาครัฐที่ต้องผสานความร่วมมือกัน” นายนภินทร กล่าว