แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 มกราคม 2568 ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการทบทวนหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีสาระสำคัญเป็นการพิจารณาและการติดตามการออกสลากการกุศลครั้งต่อไปเป็นไปอย่างเหมาะสม และมีความรอบคอบ ชัดเจนยิ่งขึ้น
แหล่งข่าวระบุว่า ในการประชุมครั้งนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้เสนอขอให้ที่ประชุมพิจารณาวงเงินที่ใช้สนับสนุนโครงการสลากการกุศลสูงสุดโครงการละ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่ขอเพิ่มเติมจากเอกสารที่กระทรวงการคลังเสนอเข้ามาไม่เกินโครงการละ 1,000 ล้านบาท แต่ที่ประชุมครม.ไม่เห็นด้วย เพราะวงเงินที่เสนอเข้ามาเดิมมีความเหมาะสมแล้ว ก่อนจะเห็นชอบตามเอกสารที่กระทรวงการคลังเสนอเข้ามาคือไม่เกินโครงการละ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้แจ้งเหตุผลความจำเป็นว่า ที่ผ่านมาครม.เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ได้เห็นชอบหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล โดยให้มีวงเงินรวมที่ใช้ในการสนับสนุนโครงการสลากการกุศล รวมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท และการพิจารณาออกสลากการกุศลในครั้งถัดไป จะดำเนินการภายหลังจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกสลากการกุศลครบวงเงินตามโครงการที่ครม.ได้อนุมัติครั้งก่อน
ต่อมาครม.ได้ประชุมปรึกษา 3 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 และเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ก่อนลงมติเห็นชอบให้มีการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการที่ขอรับการสนับสนุนเงินจากโครงการสลากการกุศล รวมจำนวน 30 โครงการ วงเงิน 9,999.03 ล้านบาท
โดยมอบหมายให้สำนักงานสลากฯ ดำเนินการออกสลากการกุศล ซึ่งปัจจุบันสำนักงานสลากฯ ดำเนินการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการสลากการกุศลข้างต้นเสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567
ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาและการติดตามการออกสลากการกุศลครั้งต่อไปเป็นไปอย่างเหมาะสม มีความรอบคอบ ชัดเจนยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเท็จจริงในปัจจุบัน จึงเห็นควรทบทวนหลักการ สำหรับการออกสลากการกุศลครั้งต่อไป เข้ามาเสนอที่ประชุมครม.พิจารณา
ด้าน นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงรายละเอียดของมติครม. ครั้งนี้ว่า ครม.มีมติเห็นชอบการทบทวนหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล โดยกำหนดการพิมพ์สลากการกุศลไม่เกินจำนวน งวดละ 11 ล้านฉบับ มีวงเงินที่จะให้การสนับสนุนโครงการไม่เกินโครงการละ 1,000 ล้านบาท และการพิจารณาสนับสนุนโครงการที่ขอออกสลากการกุศลจะต้องมีวงเงินรวมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท
สำหรับการดำเนินโครงการได้กำหนดลักษณะของโครงการที่ขอรับการสนับสนุนต้องเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาด้านการศึกษา การสาธารณสุขหรือการลดความเหลื่อมทางสังคม รวมถึงเป็นโครงการที่ก่อประโยชน์แก่ประชาชนและสังคมอย่างทั่วถึงในวงกว้าง
รวมทั้งเป็นโครงการที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐ หรือได้รับการจัดสรรแต่ไม่เพียงพอ และไม่มีการดำเนินงานซ้ำซ้อนกับโครงการที่เสนอขอรับเงินงบประมาณจากภาครัฐทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งไม่มีลักษณะเป็นเงินหมุนเวียนเพื่อใช้ในการบริหารจัดการหรือดำเนินกิจกรรมส่งเสริมทั่วไป และเป็นโครงการที่ไม่ได้รับการสนับสนุนเงินจากการออกสลากการกุศลมาก่อน
ทั้งนี้ในการออกสลากการกุศลครั้งใหม่ ยังกำหนดสัดส่วนการจัดสรรรายได้จากการจำหน่ายสลากการกุศล กระทรวงการคลังแจ้งว่ามีรายละเอียดดังนี้