เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป หรือ เซ็น กรุ๊ป ขยายแบรนด์ ‘อากะ’ เพิ่ม 15 สาขาเน้นทำเลต่างจังหวัด ควบคู่ไปกับการเปิดแบรนด์ใหม่ “อากะ ชาบู” อีก 2 สาขาภายในสิ้นปี ปักหมุดสาขาแรก เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า คงคอนเซ็ปต์ D.I.Y. Buffet
นายปรีด์ สุวิมลธีระบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันภาพรวมตลาดปิ้งย่างในไทย มีมูลค่ารวมกว่า 9,000 ล้านบาท และตลาด ชาบู-สุกี้ในไทย มีมูลค่ารวมกว่า 23,000 ล้านบาท ถือได้ว่าทั้ง 2 ตลาดเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง และยังมีผู้บริโภคที่ชอบรับประทานอาหารทั้ง 2 ประเภทนี้ค่อนข้างมาก เห็นได้ชัดจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี โดยเฉพาะช่วงหลังจากโควิดที่ลูกค้าเน้นความคุ้มค่าจึงมีความต้องการบุฟเฟ่ต์มากขึ้น
ทั้งนี้ทางเซ็น กรุ๊ป เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตในตลาดปิ้งย่างที่มีแบรนด์ ‘อากะ’ ซึ่งวางแผนขยายกว่า 15 สาขา ภายในสิ้นปี โดยเน้นขยายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น และได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลาม ตอกย้ำความเป็น No.1 Yakiniku Buffet ที่มีสาขามากที่สุดในรูปแบบบุฟเฟ่ต์และเดินหน้ารุกขยายเข้าสู่ตลาดชาบูอย่างเต็มรูปแบบ วางแผนเปิด 2 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ด้วยเช่นกัน เพื่อเข้ามาช่วยเสริมแกร่งพอร์ตฯ ธุรกิจกลุ่มร้านอาหารในเครือ
โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 130 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายมากกว่า 900 ล้านบาทหรือประมาณการเติบโตมากกว่า 60% ภายในสิ้นปี และการขยายสาขาดังกล่าวจะทำให้ ‘อากะ’ เป็นอีกแบรนด์หนึ่งของทางกลุ่มเซ็นที่มียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท ในปี 2566
“อากะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในอันดับ 2 ของพอร์ตธุรกิจร้านอาหารของ เซ็น กรุ๊ป ซึ่งมีการเติบโตค่อนข้างมากโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา และในปีนี้เองหลังจากโควิดผ่อนคลายเราเห็นช่องทางการตลาดว่าปิ้งย่างยังไปได้อีก และเราได้โลเคชั่นดีๆมาหลายโลเคชั่นเราจึงทำการขยายอากะในปีนี้ 15 สาขา ซึ่งยอดขายปีนี้น่าจะแตะที่ 900ล้านบาทและปีหน้าแตะที่ 1000ล้านบาทไม่ยาก เพราะมูลค่าตลาดปิ้งย่างอยู่ที่ประมาณ 8-9 พันล้านบาทซึ่งเรามองว่ามีหลาย segment ให้เราเล่น อากะเองเป็นผู้เล่นที่เล่นอยู่ในหลายระดับ เรามีหลาย consumer segment ซึ่งเราก็มีช่องทางที่จะขยายไปยัง customer ให้ครบและและขยายไปทั่วประเทศ
นอกจากนี้ในส่วนของปิ้งย่างเรามีสาขาเยอะแล้วซึ่งเราเพิ่งจะเปิดสาขาที่ 32 ไปที่สมุทรปราการก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี จึงต่อยอดแบรนด์ออกมาเป็น อากะชาบู เพราะเราเห็นว่าตลาดชาบูค่อนข้างใหญ่มีผู้เล่นเจ้าเล็กเจ้าใหญ่ในตลาดจำนวนมาก ถ้าบริหารจัดการเป็นก็กำไรได้ แต่เราอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบกับคู่แข่งรายอื่นๆที่เป็นรายเล็กค่อนข้างมาก เรามีทีมงานที่พร้อม เรามีทีม r&d ที่คอยสร้างสรรค์อาหารให้ออกมาถูกปากผู้บริโภค เรามีทีม supply chain ทีมจัดซื้อทีมโลจิสติกส์ที่พร้อม
มูลค่าการลงทุนของอากะทั้งหมดปีนี้เราตั้งงบไว้ที่ 130 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีหลังเราเหลือสาขาที่ต้องขยายเพิ่ม 7 สาขา และสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศภายใน 3-4 ปีข้างหน้า”
นางสาวมยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กลยุทธ์หลักของทั้ง “อากะ” และ “อากะ ชาบู” คือ การสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้ได้มากที่สุด โดยเราใช้ Growth Strategy ทั้ง Horizontal คือการขยายแนวนอน นำแบรนด์ AKA Yakiniku ที่มีความแข็งแรงอยู่แล้ว ไปสู่พื้นที่ใหม่ ๆ ให้ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มคนได้กว้างขึ้น และการขยายแบบ Vertical คือ การนำมาตรฐานวัตถุดิบคุณภาพของแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง ไปต่อยอดในธุรกิจใหม่ ซึ่งเราเลือกธุรกิจชาบู เพราะมี demand ของตลาดที่ค่อนข้างสูง ซึ่งมีความสอดคล้องและใกล้เคียงกับธุรกิจเดิมที่เป็น D.I.Y. อยู่แล้ว
โดย Brand positioning เรายังคงความเป็น The Best D.I.Y. Buffet Experience ที่ส่งต่อจาก ปิ้งย่าง มาถึง ชาบู ด้วย Product ที่มีรสชาติไม่เหมือนใคร วัตถุดิบที่หลากหลาย และเมนูเสริมอีกมากมาย มีบรรยากาศภายในร้านที่สะท้อนความเป็นญี่ปุ่น โดยเน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น คนทำงาน ครอบครัว และกลุ่มคนรักบุฟเฟ่ต์ พร้อมชูคอนเซ็ปต์ D.I.Y. Buffet มาพร้อมกับราคาที่จับต้องได้ ตอบโจทย์ทุกความชอบ”
“ปัจจุบัน อากะ เปิดให้บริการแล้วกว่า 32 สาขา และ อากะ ชาบู เปิดให้บริการแล้ว 1 สาขา คือ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น 1 โดยเรายังเดินหน้ารักษาไว้ซึ่งคุณภาพของแบรนด์เดิมที่มีอยู่ มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมความสะดวกสบายให้ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นระบบ self-ordering และ AKA Robot ที่ช่วยเสิร์ฟอาหารได้อย่างแม่นยำ ควบคู่ไปกับการพัฒนาแบรนด์ใหม่ในเครือ รวมไปถึงการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือการจับเทรนด์และปรับเปลี่ยนให้ทันตามความต้องการของผู้บริโภคก็จะยิ่งส่งผลให้ร้านอาหารในเครือเซ็น กรุ๊ป ทั้งหมด เติบโตได้อย่างแน่นอน”