“แม็คโคร” วางรากฐานเป็นห้างค้าส่งของโชห่วยมานานกว่า 33 ปี จนวันนี้มีฐานลูกค้ามากกว่า 5 แสนราย สร้างยอดขายให้กว่า 30% และกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ “แม็คโคร” สามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนา “โมเดลทางเลือก” ให้ผู้ประกอบการค้าปลีกขนาดเล็กหรือร้านโชห่วยในชุมชนทั่วประเทศได้ และเพื่อเป็นการยกระดับโชห่วยให้ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้บริโภค แม็คโครจึงพลิกโฉมโชห่วยเหล่านี้สู่ “บัดดี้มาร์ท”
ในรูปแบบร้านค้าปลีกชุมชน ที่เน้นความสำเร็จรูปในการทำธุรกิจ ตั้งแต่การออกแบบร้าน วางผังการจัดวางสินค้า การเลือกสินค้า โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาช่วยบริหารจัดการให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่และตรงใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในชุมชนนั้นๆ
โดยมีทีมงานมืออาชีพให้การสนับสนุนการวางแผนส่งเสริมการขายและช่วยบริหารจัดการร้านอย่างใกล้ชิด รวมถึงมีระบบการจัดการสต๊อกและการสั่งซื้อสินค้าเข้าร้านที่รวดเร็ว ทำให้เจ้าของร้านสะดวก มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องใช้เวลาบริหารจัดการมากเท่าเดิม
นายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย กล่าวว่า 33 ปีที่ผ่านมาแม็คโคร ไม่เพียงออกแบบเครื่องมือทางการตลาดที่เข้าไปตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพคนทำธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กในชุมชน ให้เติบโตและปรับตัวทันการเปลี่ยนแปลง ด้วยโครงการมิตรแท้โชห่วย ที่มุ่งเน้นการพัฒนาร้านค้าให้อยู่รอดและเติบโตเคียงคู่กับชุมชนมาจนถึงปัจจุบัน
“แม็คโครกับลูกค้าโชห่วยทั่วประเทศ จึงมีความผูกพันกันมานาน ในทุกปีเรามีการจัดงานตลาดนัดโชห่วย เพื่ออัพเดทเทรนด์ธุรกิจค้า ที่ร้านค้าเล็กๆ ควรรู้หรือนำไปปรับใช้ รวมถึงมีโครงการประกวดทายาทโชห่วย ซึ่งเป็นเวทีแข่งขันไอเดียพัฒนาร้านของคนรุ่นใหม่หรือลูกหลานเจ้าของธุรกิจโชห่วย เมื่อนำมาเสริมกับข้อมูลเชิงลึกที่แม็คโครมี ก็ทำให้ได้ข้อมูลที่เข้าถึงปัญหาอย่างลึกซึ้ง และสามารถสร้างรูปแบบการพัฒนาร้านค้าปลีก ที่ตอบโจทย์ให้โชห่วยได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ยังจับมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในโครงการพัฒนาสมาร์ทโชห่วย ทำให้เกิดองค์ความรู้เพิ่มเติมที่นำมาต่อยอดให้ผู้ประกอบการรายย่อยกว่า 500,000 รายของเราในทุกมิติ เกิดเป็นโมเดลทั้ง มิตรแท้ชุมชนจนถึงรูปแบบล่าสุดคือ บัดดี้มาร์ท ”
นายธนิศร์ กล่าวอีกว่า การที่โชห่วยจะตัดสินใจปรับเปลี่ยนรูปแบบร้าน หรือลงทุนอะไรใหม่ ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องศึกษารายละเอียดเป็นอย่างดี ซึ่งเราพบว่า ผู้ประกอบการจะให้น้ำหนักกับความเชี่ยวชาญเป็นสำคัญ ซึ่งโมเดลบัดดี้มาร์ทที่เราพัฒนาขึ้น ผสมผสานความเชี่ยวชาญในด้านสินค้าของแม็คโครและประสบการณ์ในการคลุกคลีกับปัญหาของร้านโชห่วยกว่า 30 ปีของเรา
ประกอบกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่จากเครือข่ายที่เรามี ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าของร้านค้าปลีกในชุมชน เราได้นำเทคโนโลยีทันสมัยสำหรับร้านค้าปลีกขนาดเล็กมาใช้ รวมถึงใช้ความชำนาญในการบริหารจัดการสต๊อก ระบบการสั่งซื้อสินค้าและจัดส่งถึงร้านที่รวดเร็ว ที่สำคัญมีกลุ่มพันธมิตรซัพพลายเออร์สินค้าที่แข็งแกร่ง”
สำหรับการลงทุนร้านบัดดี้มาร์ท เจ้าของร้านจะใช้งบลงทุน 400,000 บาท แบ่งเป็นค่าเงินค้ำประกัน 200,000 บาทและค่าปรับปรุงร้าน 200,000 บาท (ขึ้นกับขนาดและสภาพของร้านปัจจุบัน) มี 3 ขนาดทางเลือก คือ
ส่วนทางบัดดี้มาร์ทจะลงทุนให้กับคู่ค้า มูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท โดยติดตั้งระบบ POS ระบบบริหารจัดการร้าน อุปกรณ์ชั้นวาง ตู้แช่ และสินค้าทั้งหมดภายในร้าน และยังร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ สร้างการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ที่ติดปัญหาด้านเงินลงทุนด้วย
“หลายคนอาจมองว่า มีผู้เล่นหลายรายเข้ามาในตลาดโชห่วยมากขึ้น ผมมองว่า เป็นเรื่องที่ดีนะ ที่จะได้มาช่วยกันพัฒนาตลาดค้าปลีกของไทยให้แข็งแรงยิ่งขึ้น สำหรับแม็คโคร เราเชื่อว่า เรามีประสบการณ์กว่า 30 ปี และด้วยกลยุทธ์บวกแผนงานที่ชัดเจน พร้อมทีมงานให้คำปรึกษาจากสาขาของแม็คโครทั้ง 147 แห่งใน 69 จังหวัดทั่วประเทศ บัดดี้มาร์ทจะเป็นทางเลือกให้ร้านโชห่วยที่สนใจได้พัฒนาและเพิ่มยอดขาย และเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจค้าส่งค้าปลีกของกลุ่มแม็คโครให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น”
ปัจจุบันตลาดค้าปลีกไทยมีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท โดยธุรกิจโชห่วยมีสัดส่วน 55% ของตลาดค้าปลีกไทยและโชห่วยยังถือเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ SME ภาคบริการที่มีความสำคัญต่อจีดีพีของประเทศ ซึ่งแม็คโครครองส่วนแบ่งสำคัญในตลาดค้าปลีกรายย่อยหรือโชห่วยมายาวนาน และมีกิจกรรมพัฒนาลูกค้ากลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง