ตลาดเอนเนอร์จี้ ดริ้งก์ กลายเป็นตลาดที่น่าจับตามองอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ที่นับวันมีผู้เล่นหน้าใหม่ๆตบเท้าเข้าสู่ตลาดอย่างมันัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นG-BEAT (จี บีท) ผู้เล่นน้องใหม่ในตลาดที่ปักธงเข้ามาเล่นในตลาด พรีเมียมเอนเนอร์จีดริ๊งก์ โดยชูกลยุทธ์ มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง และปั้นแคมเปญการตลาดออนไลน์รับเทรนด์อีสปอร์ต เจาะกลุ่มเกมเมอร์โดยเฉพาะ พร้อมกับเป้าหมายชิงส่วนแบ่งตลาด 10% ของเซกเมนต์พรีเมียม
หรือแม้กะทั่งบิ๊กเนมวงการไอทีอย่าง เอเซอร์ ก็โดดเข้ามาแจมโดย เปิดตัวเอนเนอจี้ ดริ้งก์ แบรนด์ “PredatorShot” ซึ่งเน้นเจาะกลุ่มเกมเมอร์ สตรีมเมอร์รวมถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีการใช้สายตาอยู่กับหน้าจอคอมหรือมือถือในการทำงานหรือเล่นเกมเป็นเวลานานๆ เป็นหลักเช่นกัน
ทั้งนี้ข้อมูลจากศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร ระบุว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ปี 2564 มีมูลค่า 22,760 ล้านบาท เติบโต 3.9% โดยมี เอ็ม-150 , คาราบาวแดง, กระทิงแดง และ เรดดี้ เป็นเจ้าตลาด แน่นอนว่าจากความฮ็อตของตลาดที่ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงขาขึ้น บวกกับผู้เล่นหน้าใหม่ที่จ้องเข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาด ทำให้หนึ่งในผู้นำตลาดอย่าง กระทิงแดง ต้องออกมาเทคแอคชั่น เพื่อปลุกตลาดและตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอีกครั้ง
โดยต่อยอดความร่วมมือกับ "มอนเดลีซ" ผู้ผลิตและจำหน่ายลูกอมฮอลล์ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ในฝั่งของ มอนเดลีซ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ความร่วมนี้คือ ลูกอม Halls XS Red Bull ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในแง่ยอดขาย และในปีนี้เป็นคิวของ Red Bull ที่จะหยิบ2รสชาติยอดนิยมและขายดีที่สุดของ ลูกอมHalls คือกลิ่นวอเตอร์เมลอน และเมนโทลิปตัส มาสร้างผลิตภัณฑ์กระทิงแดง 2 รสชาติใหม่เพื่อเจาะตลาด GEN Z โดยเฉพาะ
นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดเผยว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 TCP สะบักสะบอมจากการถูกโอมิครอนเล่นงานในทุกประเทศที่ทำธุรกิจ ทำให้เกิดการล็อกดาวน์ให้หลายพื้นที่ติดต่อกันนานหลายเดือน แต่TCP ยังมีความแข็งแกร่งในตลาดเอนเนอร์จี้ ดริ้งก์ ภายใต้แบรนด์ กระทิงแดง โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี2565นี้ กระทิงแดงในประเทศไทยมีการเติบโต 3% ประเทศจีน 5% ประเทศเวียดนาม 9% และมาเลเซีย 40% ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเครื่องดื่ม เอนเนอร์จี้ ดริ้งก์ ยังมีความต้องการอยู่ในตลาด และเชื่อว่าหลังจากโควิดแผ่วลงอัตราการเติบโตจะก้าวกระโดดมากขึ้นไปอีก
ในภาพของ market share ปัจจุบันกระทิงแดงยังคงครองอันดับ 1 ในประเทศจีน เวียดนามและมาเลเซียส่วนประเทศไทยไต่ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้มาด้วยความบังเอิญแต่เกิดจากความทำงานร่วมกันจากหลายๆฝ่ายเพื่อทำให้ TCP สามารถเข้าใจบริโภคมากขึ้นและสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่ใหม่ๆของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งRed Bull Halls XS เป็นหนึ่งในผลงานล่าสุดที่ กระทิงแดงออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการพลังงานของกลุ่มคนGen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีพลังและมีกิจกรรมต่างๆมากมาย โดยมี 2 รสชาติคือกลิ่นวอเตอร์เมลอน และเมนโทลิปตัส แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ไม่มีน้ำตาล แต่เต็มไปด้วยความเย็นที่สัมผัสได้ และให้พลังงานเทียบเท่าดื่มกาแฟหนึ่งแก้ว
นางสาวณุชชนา อดิทิพยางกูร รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด Global – Energy กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “มูลค่าตลาด เอเนอร์จี้ ดริงก์ ในประเทศไทยอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท ปีนี้มีการเติบโตที่ดีหลักๆแล้วมาจากกลุ่ม premium energy segment ซึ่งเติบโต 5% แต่มีการเข้าถึงกลุ่มนี้อยู่แค่ประมาณ 21% เท่านั้นแปลว่ามีประชากร 21 ใน 100 คนที่ดื่ม premium energy drink อยู่ และครึ่งหนึ่งในนั้นเป็นกลุ่ม GEN Z นั่นหมายความว่าในกลุ่ม premium segment ยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกเยอะ
ดังนั้นโจทย์หลักๆของTCP คือทำให้ผลิตภัณฑ์มีรสชาติที่เข้าถึงผู้บริโภค ซึ่ง GEN Z ไม่ยึดติดกับรสชาติของ เอเนอร์จี้ ดริงก์ แบบเดิมๆ แต่ต้องการรสชาติที่แปลก แหวกแนว ใหม่ และต้องให้ความเย็นสดชื่น ให้พลังงานที่พอเหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันของเขา จึงเป็นที่มาของการจับมือกันระหว่างเรดบูลและ มอนเดลีซ ซึ่งในปีที่แล้วเราได้จับมือกันในการทำตัวแคนดี้ออกมาปีนี้เราจึงได้นำ 2 รสชาติยอดนิยมของHalls XS ออกมาทำในรูปแบบของเอเนอร์จี้ ดริงก์ ที่ดื่มแล้วให้ความเย็นและให้พลังงานที่เหมาะสมในราคา 15 บาท”
ในส่วนของการตลาดกับกลุ่ม GEN Z ซึ่งใช้พลังสมองค่อนข้างเยอะในการคิดค้นหรือ create สิ่งใหม่ๆขึ้นมาบวกกับพลังกายที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เรดบูลจึงเปิดแคมเปญ energenius ซึ่งเป็นการผสมกันระหว่างคำว่า energy กับ genius ปลุกพลังความคิดสร้างสรรค์กับ Red Bull Halls XSเพื่อสนับสนุนการใช้ energy ในกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์
โดยเตรียมงบประมาณสำหรับการตลาดไว้ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสร้างการรับรู้กับกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อดิจิตอลและ e-sport marketing โดยเจาะไปที่ passion point ของGEN Z เป็นหลักในส่วนของสื่อดิจิตอลจะสื่อสารผ่าน platform tiktok เป็นหลักทั้งในด้านของ communication และการ engag กับ consumer ส่วน e-sport marketing จะให้การสนับสนุนทีม Bacon Timeซึ่งเป็นทีม esport รุ่นใหม่
“เราคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดเอเนอจี้ดริ้งก์จะเติบโต 10% โดยเราตั้งเป้าการเติบโตของ กระทิงแดงและเรดบูลอยู่ที่ 11% ซึ่งปัจุบันส่วนแบ่งการตลาดของกระทิงแดงและเรดบูล 13% เรดดี้ 5% เรามั่นใจว่า เรดบูล ฮอลล์ เอ็กซ์เอส จะมาปลุกวงการตลาดเอเนอร์จี้ ดริงก์ของไทยรวมถึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนจากผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ที่กำลังมองหาตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบัน”