สื่อญี่ปุ่นลงข่าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเชจู ระหว่างวันที่ 2-9 ส.ค. มีรายงานว่า ชาวไทย 76 คนจาก 437 คนที่เดินทางเข้าประเทศ โดยเที่ยวบินจากกรุงเทพ สายการบินเจจูแอร์ ได้หายตัวไป ส่งผลให้ปัจุบันทางเกาหลีใต้ปฏิเสธนักท่องเที่ยวไทยไม่ให้เข้าประเทศแล้วสูงถึง 727 คน จาก 1,164 คนมราต้องการเข้าประเทศ หลังมีการหายตัวของนักท่องเที่ยวไทยจำนวนมาก
โดยจากการสำรวจของรัฐบาลเกาหลีใต้พบว่า คนไทยส่วนใหญ่เข้ามาในประเทศไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยวแต่เพื่อมาหางานทำ โดยมีนายหน้าในไทยหลายคนใช้สื่อโซเชียลเพื่อพาคนมาทำงานในเกาหลีใต้ และอยู่อย่างผิดกฎหมายด้วยความช่วยเหลือของบริษัทเหล่านี้
โดยปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยว และหนีออกจากกรุ๊ปทัวร์ กลายเป็นผู้อพยพผิดกฎหมาย และเกาะเชจูได้กลายเป็นประตูเข้าประเทศของ "นักท่องเที่ยวปลอม" ใช้เป็น "ช่องโหว่" เดียว ที่อนุญาตให้นักเดินทางจากประเทศไทยอยู่ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นเวลา 90 วัน
รัฐบาลเกาหลีใต้จึงเริ้มใช้ระบบ Electronic Travel Authorization (K-ETA) ในเดือน ก.ย. นี้ โดยจะต้องป้อนข้อมูลหนังสือเดินทาง ประวัติการไปเยือนเกาหลี ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลการติดเชื้อ ที่อยู่ในประเทศไทย บนเว็บไซต์ K-ETA อย่างน้อย 72 ช.ม. ก่อนเข้าเกาหลี และต้องได้รับอนุญาตก่อน
ปัจจุบันมีคาดว่ามีคนไทยประมาณ 140,000 คนอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย แม้ว่าพวกเขาจะโชคดีที่สามารถเข้าประเทศได้ แต่ก็ถูกบังคับให้ทำงานง่ายๆ ในโรงงาน และฟาร์ม หรือถูกจ้างวานให้ก่ออาชญากรรม เช่น การสังหารและทำร้ายร่างกาย
ล่าสุด จับคนไทยผิดกฎหมาย 4 คนในข้อหาจำหน่ายยา ให้ 10,000 คนในเมืองแทกู นอกจากนี้ ผู้หญิงไทยที่ทำงานในสถานอาบอบนวดถูกจับได้ว่าค้าประเวณีและถูกบังคับให้ออกนอกประเทศ ทำให้นายหน้าถูกตัดสินจำคุก และฝ่ายไทยได้เริ่มเอาจริงเอาจังกับสถานการณ์กับเรื่องนี้แล้ว