ปัจจุบัน ความนิยมการใช้สารลดเลือนริ้วรอยเพื่อความงามในประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 20% ในทุกปี ถึงแม้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม และยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ที่เปิดใจรับการเข้าคลินิกความงามเพิ่มมากขึ้น
การเสริมความงามด้วยสารลดเลือนริ้วรอย ถือเป็นนวัตกรรมการลดเลือนริ้วรอยที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีการพัฒนาเทคนิค เทคโนโลยี และเทรนด์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การใช้สารลดเลือนริ้วรอยนั้นต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
นายกสิกิจ พ่วงภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญในการให้ความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้สารลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเปรียบเสมือนต้นน้ำก่อนจะไปถึงผู้บริโภค
ที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัท ฮูเจล อิงค์ จำกัด บริษัทผู้ผลิตยาชั้นนำจากประเทศเกาหลีใต้ จัดงาน “Hesthetics Master Class: Harmonize the Face & Body’s Shape with BoNT-A (เฮสเทติคส์ มาสเตอร์คลาส: ฮาร์โมไนซ์ เดอะเฟซ แอนด์ บอดี้ เชฟ วิธ โบเอนที-เอ)”ในการสร้างองค์ความรู้ เสริมเทคนิคและส่งต่อวิทยาการใหม่ๆ ให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้นำไปต่อยอดในการรักษา
"ปัจจุบันมีคลินิกความงามเปิดใหม่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงขอแนะนำให้ผู้บริโภคต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และใช้ยาได้มาตรฐานเชื่อถือ และตรวจสอบได้
เอสเทค ฟาร์มาเรา ให้ความสำคัญกับคุณภาพ และมาตรฐานของผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมาก
ปัจจุบัน เอสทอกซ์ (Aestox) เป็นสารลดเลือนริ้วรอย (Botulinum toxin type A) สัญชาติเกาหลีที่มียอดขายและมีอัตราการเติบโตเป็นอันดับ 1 ทั้งในไทยและในเกาหลี นอกจากนี้ยัง สามารถตรวจสอบของแท้ได้จากการ แสกน QR code ข้างกล่องทุกกล่องเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทุกคน เพราะถ้าหากว่าคนไข้ได้รับตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน จะเกิดผลข้างเคียงหลายอย่างตามมาได้"
ด้าน นายแพทย์ฮง จิน มุน หัวหน้าคณะแพทย์ และรองประธาน บริษัท ฮูเจล อิงค์ จำกัด เปิดเผยว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงทั้งในแง่ของเป็นแหล่งบุคลากรที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญ และเทรนด์การเติบโตของธุรกิจความงามเกาหลีใต้และไทยมีความเหมือนกันคือ พวกเราคือที่ที่ทุกคนนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อคิดจะเสริมความงาม แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การใช้นวัตกรรมและเทคนิคใหม่ ๆ ให้เหมาะสมกับลักษณะของชาวเอเชีย และแน่นอนว่ามีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐานสากล
ความร่วมมือในครั้งนี้คือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างนักคัดเลือกที่พิถีพิถัน และผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน โดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภคทั้งที่เป็นแพทย์และประชาชนทั่วไป โดยเราตั้งใจว่าจะผลักดันให้มีการต่อยอดความร่วมมือทางวิชาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ต่อไป ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่าง เอสทอกซ์ (Aestox)”