ไทยลีฟ คาดการณ์ตลาดสินค้า CBD ในประเทศญี่ปุ่น มีแนวโน้มเติบโตจากดีมานด์ความต้องการใช้สินค้าของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวช่วงอายุ 20-30 ปี นิยมใช้เพื่อการนอนหลับ ผ่อนคลายจากภาวะเครียดสะสม และโควิด-19 เตรียมปล่อยสินค้าที่มีส่วนประกอบของสารสกัด CBD จากกัญชง ใน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มอาหารเสริม และกลุ่มเวชสำอาง เปิดตลาด CBD ประเทศญี่ปุ่น
นายยิ่งยศ จารุบุษปายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัดเปิดเผยว่า ในปี 2566 ไทยลีฟ เตรียมปล่อยสินค้าที่มีส่วนประกอบของสารสกัด CBD จากกัญชง ใน 3 กลุ่มตามแผนธุรกิจที่ได้ประกาศไว้ คือ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มอาหารเสริม และกลุ่มเวชสำอาง จากจุดแข็งที่ไทยลีฟเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านการผลิต และสกัดสาร CBD จากกัญชง ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและให้ความสำคัญต่อทุกกระบวนการทำงานตั้งแต่การนำเข้าเมล็ดพันธุ์ การปลูก และการสกัดจนสามารถสกัดได้ค่าสาร CBD ที่สูงมากถึงร้อยละ 26 พร้อมด้วยความร่วมมือวิจัยกัญชงกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก จึงคาดว่า ธุรกิจไทยลีฟจะดึงดูดนักลงทุนและผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น เพื่อการก้าวเป็นผู้นำครบวงจรในเอเชียตามแผนการดำเนินธุรกิจของไทยลีฟ
สำหรับการบุกตลาดประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ บริษัทมองว่าในปี 2566 ตลาดกัญชงในหลายประเทศ น่าจะมีการตื่นตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจจากประเทศตัวอย่างที่ได้นำจุดเด่นด้านคุณประโยชน์ของ ‘สารสกัด CBD หรือ cannabidiol จากกัญชง’ ที่ช่วยในการรักษาโรค ช่วยผ่อนคลาย บรรเทาอาการเจ็บป่วย การอักเสบ มาทำเป็นสินค้าที่มีส่วนประกอบของสาร CBD วางจำหน่ายแล้ว
ซึ่งหนึ่งในประเทศแถบเอเชียที่น่าจับตาในตลาดกัญชง และเหมาะเป็นแหล่งเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจของไทยคือ ‘ประเทศญี่ปุ่น’ เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงสาธารณสุขไทย ได้ประกาศย้ำความมั่นใจ เรื่องการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ และการใช้กัญชงเพื่อเศรษฐกิจไทย พร้อมเดินทางไปศึกษาดูสินค้า CBD ที่ประเทศญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันมีการวางจำหน่ายอย่างถูกต้องตามกฏหมายแล้ว โดยต้องปราศจากสาร THC หรือมีส่วนผสมสารดังกล่าวในปริมาณต่ำ แม้ ‘กัญชา’ ยังเป็นสิ่งไม่ถูกกฏหมายในญี่ปุ่นก็ตาม
ทั้งนี้ สินค้า CBD ในญี่ปุ่น ครอบคลุมกลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม อาหาร เครื่องสำอาง เพื่อเป็นทางเลือกดูแลสุขภาพ ซึ่งสอดรับพฤติกรรมชาวญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญต่อการใช้สินค้ากลุ่มดูแลสุขภาพและความงามที่ผลิตจาก หรือมีส่วนประกอบของพืช กระทรวงพาณิชย์ได้มีรายงานว่า ปัจจุบันสินค้า CBD ในญี่ปุ่นมีการวางจำหน่ายแล้วมากกว่า 180 แบรนด์ ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ มีสินค้าทั้งในรูปแบบ CBD Candy ลูกอมที่ผสมสารสกัด CBD หรือ CBD Soft Capsule ซึ่งเป็นแคบซูลทานเพื่อปรับสมดุลให้ลำไส้เสริมสุขภาพ CBD Calming Balm บาล์มช่วยบำรุงผิวนุ่ม CBD Coffee กาแฟผสมสาร CBD
นอกจากนี้ยังพบสินค้ากัญชงซึ่งผลิตโดยบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกาบุกตลาดญี่ปุ่นแล้ว ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่นิยมใช้สินค้า CBD เพื่อช่วยให้หลับสบาย ผ่อนคลาย และสนใจทดลองใช้ (early adopter) เป็นวัยหนุ่มสาวช่วงอายุ 20-30 ปี ซึ่งถ้าพิจารณาเชิงลึกนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ชาวญี่ปุ่นได้มีตัวเลือกทางสุขภาพหลากหลายขึ้น เนื่องจากคนญี่ปุ่นมักมีความเครียดสะสมจากการทำงาน และยิ่งเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยโควิด-19
ข้อมูลจากสำนักข่าวในประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า ตั้งแต่โควิดระบาดในปี 2563 ถึงปัจจุบัน ชาวญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงช่วงวัย 20 ปี อีกทั้งในปลายปี 2565 กระทรวงสาธารณสุขของประเทศญี่ปุ่น มีแผนดำเนินการแก้ไขกฎหมายเพื่อใช้กัญชา/กัญชงในการแพทย์เพิ่มด้วย ดังนั้น สินค้า CBD จึงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะปี 2566 เป็นต้นไป เทรนด์รักสุขภาพจะมาแรง คนทั่วโลกจะหันมาดูแลสุขภาพทางกายและจิตใจ รวมถึงปรับไลฟ์สไตล์วิถีการใช้ชีวิตเพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีด้วยสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้จะมีการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสินค้า CBD เพิ่มขึ้น แต่เรื่องกฏหมายหรือข้อจำกัดของธุรกิจ กัญชา-กัญชง ในแต่ละประเทศก็แตกต่างกัน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจด้านกัญชา-กัญชงไทย ที่จะละเลยไม่ได้เลย ยกตัวอย่างเช่นประเทศญี่ปุ่น สามารถนำเข้าผลิตภัณฑ์สินค้า CBD มาจำหน่ายได้อย่างแพร่หลาย แต่ก็มีข้อจำกัดซึ่งไม่สามารถปลูกในประเทศได้ในเชิงพาณิชย์ การจะปลูกเพื่อพัฒนาส่วนใหญ่สามารถทำได้ เพื่อทางการแพทย์และการวิจัยเท่านั้น
ซึ่งก็เป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับการปลูกเชิงพาณิชย์ กระบวนการผลิตยังต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศ ทำให้การเจริญเติบโตยังอยู่ในกรอบที่จำกัด ถือว่าเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศแรกในแถบนี้ ที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน เราจึงควรใช้โอกาสนี้ในการขยายตลาดของเราไปสู่ภูมิภาค