“วาเลนไทน์” กุหลาบราคาพุ่ง 30% มิส ลิลลี่จัดให้ช่อยักษ์ 3.5 หมื่น
กุหลาบไทย-เทศราคาพุ่ง 30% รับ "วันวาเลนไทน์" ชี้อากาศหนาวทำผลผลิตออกน้อย ดีมานด์พุ่ง “มิส ลิลลี่” อัดโปรเด็ดช่อ 99 ดอก เหลือ 34,650 บาท ม.หอการค้าไทย ประเมินเงินสะพัดเกือบ 2,400 ล้าน กลับมาขยายตัวในรอบ 5 ปี
วาเลนไทน์ปีนี้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ทำการสำรวจพบว่า วันวาเลนไทน์ปีนี้จะมีเม็ดเงินสะพัดราว 2,389 ล้านบาท ขยายตัว 15.50% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัวตั้งแต่ปี 2562 จากสงครามการค้า ต่อเนื่องด้วยโควิด-19 โดยคาดว่าการใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 1,848 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 1,176 บาท เพราะราคาสินค้าและบริการที่แพงขึ้นตามค่าครองชีพ
กิจกรรมที่ทำมีทั้งทานข้าวนอกบ้าน ซื้อดอกไม้ ไปดูหนัง และไปบ้านแฟน ส่วนปัจจัยที่ใช้ในการเลือกซื้อของขวัญในวันวาเลนไทน์ 5 อันดับแรก คือ ความชอบของผู้รับของ รองลงมา คือ ความสะดวก ประโยชน์ ความนิยม และ ราคา ตามลำดับ กลุ่มตัวอย่างเห็นว่า Gen Z จะให้ความสำคัญในวันวาเลนไทน์มากที่สุด รองลงมาคือ Gen Y ซึ่งเป็นกลุ่มของวัยเรียนและวัยทำงาน โดยมีประมาณครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่าง ที่ต้องการจะไปฉลองวาเลนไทน์กับคนรัก หรือคนรู้ใจ ที่เหลือบอกว่าจะไม่ไปฉลอง
ขณะที่ตลาดดอกกุหลาบซึ่งเป็นสัญลักษณ์และเป็นสื่อที่คู่รักนิยมส่งมอบให้กัน ก็ถูกจับตามองอีกครั้งว่าราคาจะเป็นเช่นไรนั้น นางสาวศิรินทร์ ใต้ชัยภูมิ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มิส ลิลลี่ ฟลาวเวอร์ จำกัด ผู้ให้บริการจัดส่งดอกไม้ “มิส ลิลลี่” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ราคาดอกกุหลาบในปีนี้ ทั้งดอกกุหลาบไทยและนำเข้าจากต่างประเทศ มีราคาสูงขึ้นราว 30 %
สาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นนาน ทำให้ผลผลิตดอกกุหลาบมีปริมาณน้อย เมื่อเกิดดีมานด์สูงราคาจึงขยับสูงตาม โดยดอกกุหลาบที่มิส ลิลลี่ใช้ จะเป็นดอกกุหลาบนำเข้าจากประเทศฮอลแลนด์ เพราะมีคุณภาพดี แข็งแรง ดอกใหญ่ สวย มีความคงทนมากกว่าดอกกุหลาบไทย โดยปีนี้ก็ปรับราคาสูงขึ้น 30% เพราะเหตุผลเดียวกัน
อย่างไรก็ดีวันวาเลนไทน์ในปีนี้ตรงกับวันธรรมดา ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้มียอดสั่งซื้อดอกกุหลาบเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อนที่วันวาเลนไทน์ตรงกับวันหยุด ทำให้บรรยากาศวาเลนไทน์ปีนี้คึกคักเพิ่มขึ้น เบื้องต้นมียอดสั่งจองดอกไม้ผ่านทางออนไลน์เข้ามาล่วงหน้าแล้วใกล้เคียงกับปีก่อน และคาดว่าจนถึงวันวาเลนไทน์จะมียอดสั่งซื้อราว 800-1,000 ช่อ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5-10 % โดยมียอดจองทั้งแบบช่อดอกไม้และกล่องดอกไม้ ที่ตกแต่งสวยงามและแตกต่างออกไป
โดยช่อดอกไม้ของมิส ลิลลี่ ในปีนี้จะมีรูปแบบใหม่ที่หลากหลายขึ้น เริ่มต้นตั้งแต่ช่อ 6 ดอก, 9 ดอก, 12 ดอก, 24 ดอก, 36 ดอก และ 99 ดอก ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2,700 – 39,650 บาท โดยมีโปรโมชั่นหากสั่งจองล่วงหน้า เช่น ช่อดอกไม้ 6 ดอก ลดราคาเหลือ 2,700 บาทจากปกติ 3,600 บาท ช่อดอกไม้ 9 ดอก ราคาลดเหลือ 3,800 บาท จากปกติ 4,650 บาท ช่อดอกไม้ 99 ดอก ลดราคาเหลือ 34,650 บาทจากปกติ 39,650 บาท
หากลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าเร็วราคาก็จะลดได้มาก หากจองใกล้วันวาเลนไทน์ราคาก็จะปรับสูงขึ้น ซึ่งนอกจากกุหลาบแดงแล้ว ยังมีกุหลาบสีอื่นๆ เช่น กุหลาบขาว ช่อ 12 ดอก ราคา 6,000 บาท เป็นต้น ทั้งนี้คนส่วนนิยมให้ดอกกุหลาบแดงในช่วงวันวาเลนไทน์สูงถึง 90% และอีก 10% เป็นดอกกุหลาบสีอื่นๆ เช่น กุหลาบขาว, ชมพู ฯลฯ
“จุดเด่นของมิส ลิลลี่คือ การจัดช่อดอกไม้ในรูปแบบเรย์บาน่า (Raybana) ซึ่งเป็นทฤษฏีการจัดดอกไม้ที่ดีไซเนอร์ของมิส ลิลลี่พัฒนาขึ้นเอง ทำให้มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง รวมทั้งการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ทำให้สะดวก นอกจากนี้ในปีนี้มิส ลิลลี่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการจัดส่ง โดยช่อดอกไม้จะถูกจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ก่อนจัดส่งผ่านการควบคุมอุณหภูมิไปยังตัวแทนจำหน่ายร้านดอกไม้ที่มีอยู่กว่า 100 ร้านค้าในกว่า 100 อำเภอทั่วประเทศ ทำให้ดอกไม้ยังคงความสด สวยงาม และรวดเร็ว และความเชี่ยวชาญของมิส ลิลลี่ ทำให้สามารถจัดส่งดอกไม้ได้ 1,000 ช่อในวันวาเลนไทน์วันเดียว”