“พาร์ค สีลม” (Park Silom) โครงการมิกซ์ยูสระดับพรีเมี่ยม ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ภายใต้ความร่วมมือของ 3 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ได้แก่ นายณ์ เอสเตท, ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และสยามพิวรรธน์ ที่ร่วมกันพัฒนาขึ้นให้เป็นศูนย์กลางของ การช้อปปิ้งแห่งใหม่บนถนนสีลม แหล่งเศรษฐกิจและธุรกิจชั้นนำทั้งสถาบันการเงิน องค์กรขนาดใหญ่ บริษัทข้ามชาติ ซึ่งล่าสุดพร้อมเปิดให้บริการ (soft opening) ในเดือนมิถุนายนนี้
นางอรฤดี ณ ระนอง กรรมการ บริษัท นายณ์ แอนด์ อาร์พีจี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังพัฒนาโครงการ “พาร์ค สีลม” เพื่อเป็นโครงการอาคารสำนักงานและร้านค้าเชิงพาณิชย์ระดับพรีเมียม ความสูง 39 ชั้น บนพื้นที่ 6 ไร่ ใจกลางถนนสีลม ภายใต้แนวคิด New Breed of Silom
ทั้งนี้บริษัทแต่งตั้งให้บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เข้ามาดูแลในส่วนการพัฒนาพื้นที่ค้าปลีก และบริหารจัดการสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ (Retail Asset Management and Property Management) ขณะนี้พาร์ค สีลมพร้อมเปิดให้บริการ Soft Opening ในเดือนมิถุนายนนี้
“ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกในครึ่งปีแรกนี้เป็นไปในทิศทางบวก โดยมาจากผลของมาตรการช้อปดีมีคืน (ระหว่าง 1 มกราคม-15 กุมภาพันธ์ 2566) การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในช่วงการเลือกตั้ง ถือเป็นปัจจัยหนุนให้ภาพรวมของตลาดค้าปลีก ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งจากกำลังซื้อจากผู้บริโภคคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ขณะที่ในส่วนของผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีกมีทิศทางแนวโน้มที่ดีขึ้นและขยายตัวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เห็นได้จากการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ทั้งในการขยายพื้นที่ของร้านและการขยายการเปิดสาขา เป็นผลจากการทยอยกลับมาของลูกค้าหลักอย่างกลุ่ม พนักงานออฟฟิศและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่กลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น
สอดคล้องกับการเปิดให้บริการโครงการ พาร์ค สีลม ตั้งอยู่ทำเลย่านสีลมเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง เป็นศูนย์รวมขององค์กรชั้นนำ ทั้งสถาบันการเงิน องค์กรขนาดใหญ่ รวมถึงบริษัทข้ามชาติจำนวนมาก โรงเรียน โรงพยาบาล อีกยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยมากมายย่านสีลมจึงเป็นแหล่งที่แวดล้อมไปด้วย ผู้คนที่มีกำลังซื้อสูง พนักงานออฟฟิศและนักท่องเที่ยว ชาวไทย และต่างชาติ ทำให้เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีด้วย”
ด้านนางสาวชนิสา แก้วเรือน Head of Corporate Strategy Group ผู้บริหารกลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพฯ กล่าวว่า จากการศึกษาธุรกิจค้าปลีกและพฤติกรรมของผู้บริโภคในพื้นที่สีลมและย่านละแวกใกล้เคียง ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง ทำให้มองเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจในการเติมเต็มช่องว่างตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชาวสีลม
โดยกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ในย่านสีลมและสาทรที่มีกำลังซื้อสูง มีวิถีการใช้ชีวิตแบบคนเมือง ที่มีสมดุลชีวิตการทำงานที่ดี มีสีสันและความสนุกสนานกับชีวิต มีความใส่ใจดูแลตัวเองและสุขภาพที่ดี ส่วนกลุ่มเป้าหมายรอง จะเป็นครอบครัวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สีลมและสาทรที่มีกำลังซื้อสูง รวมถึงผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่เป็นประจำ อาทิ ผู้ใช้บริการโรงพยาบาลชั้นนำ ผู้ปกครองโรงเรียนชื่อดังในย่านนี้ เป็นต้น
สำหรับการเข้าร่วมผนึกกำลังในครั้งนี้ สยามพิวรรธน์จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในส่วนการบริหารพื้นที่ค้าปลีกครอบคลุมพื้นที่ชั้นล่าง 5 ชั้นของ “พาร์ค สีลม” ขนาด 9,300 ตร.ม. ตั้งเป้าพัฒนาให้เป็น “Third Space Retail” แห่งใหม่ย่านสีลม ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นสะดวกสบายเสมือนบ้าน
แต่ครบครันเหมือนช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Everyday Indulgence for New Breed City Living” เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ วัยทำงาน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง ที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมืองรูปแบบใหม่ในทุกๆ วัน
“ไฮไลท์จะเป็นการคัดสรรแบรนด์ดังกว่า 80 แบรนด์ ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และโซน Wellness, Dining ศูนย์รวมความอร่อย รวบรวมคาเฟ่ ร้านกาแฟ บาร์แอนด์บิสโทร ร้านอาหารคอนเซ็ปต์ใหม่ และพื้นที่แฮงเอาท์ที่ใหม่ในย่านสีลม, Food Market โซนซูเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมียม พื้นที่รองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ต้องการบริหารเวลาระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตให้สมดุลเป็นทั้งแหล่งช้อปปิ้ง และแหล่งสังสรรค์ของบรรดาพนักงานออฟฟิศและนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ที่จะเดินทางมายังประเทศไทยหลังการเปิดประเทศ”
โดยพื้นที่ค้าปลีกจะถูกแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ อาทิ โซน THE BALCONY : รวมร้านอาหาร Brunch ฟีลสบาย นั่งได้ตลอดวัน, โซน THE CELLAR : แหล่งพบปะสังสรรค์หลังเลิกงาน, SIVADON COURTYARD พื้นที่สีเขียวกว่า 1 ไร่ “ปอดแห่งใหม่ของสีลม”, โซน THE LOBBY : รวมคาเฟ่สุดชิค กลับหลากหลายอารมณ์ของคนทำงาน, โซน THE DINING ROOM : บริการอาหารเติมพลัง, โซน THE DRESSING ROOM : รวมร้านค้าแฟชั่น สินค้าเพื่อความงาม เครื่องสำอาง ฯลฯ และ โซน THE CLUBHOUSE & SPA : รวมร้านความงาม Wellness ฯลฯ เป็นต้น
สำหรับการเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนนี้ เบื้องต้นจะมีร้านค้าที่พร้อมเปิดให้บริการประมาณ 65-70% โดยปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ ส่วนรีเทลมากกว่า 85% คาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการประมาณ 2 หมื่น-3.5 หมื่นคนต่อวัน และพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ (grand opening) ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,873 วันที่ 26 - 29 มีนาคม พ.ศ. 2566