“ดิไอคอน กรุ๊ป” เปิดตัว “ไอคอน เฟส ไอเซรั่ม” ( iCON FACE iSERUM) เซรั่มหน้ากระจก หลังซุ่มวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์มานานกว่า 1 ปี บุกตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิว “3D” พร้อมเปิดตัว BOSS คนล่าสุด “มิน พีชญา วัฒนามนตรี” ดูแลงานด้านการตลาดออนไลน์ ย้ำภาพผู้นำด้านธุรกิจอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงาม
นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำตลาดธุรกิจอาหารเสริมเพื่อสุขภาพจนยอดยอดขายเติบโตต่อเนื่องถึง 4 พันล้านบาทในปี2565 ที่ผ่านมา ในปีนี้บริษัทจะรุกเข้าสู่ธุรกิจบำรุงผิวหน้า โดยผลิตภัณฑ์ตัวแรกในกลุ่มสกินแคร์คือ “ไอคอน เฟส ไอเซรั่ม” เซรั่มหน้ากระจก เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวหน้าของคนไทย ภายใต้แนวคิด 3D คือ สินค้าดี ราคาดี และมีการสื่อสารการตลาดที่ดี
“แนวคิดของดิไอคอนคือ เลือกทำสินค้าที่เชื่อว่ามีกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมากอยู่แล้ว แต่จะทำในสิ่งที่มีอยู่แล้วให้มีความโดดเด่นและแตกต่างกว่าที่มีอยู่ในตลาด คนไทยกว่าร้อยละ 90 มีรูขุมขนกว้าง เราจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ไอคอน เฟส ไอเซรั่ม ให้เป็นเซรั่มสำหรับคนไทยที่ต้องการผิวหน้าเนียนเรียบ โดยใช้เทคโนโลยี NanoPro Multi Hyaluron Liposomes เป็นไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เราต้องการสื่อความหมายในเรื่องของผิวพรรณและหมายถึงการเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่หน้าโต๊ะกระจกแต่งตัวของทุกคน”
นอกจากนี้ ดิไอคอน กรุ๊ป ยังได้เปิดตัว “BOSS” คนล่าสุด “มิน พีชญา วัฒนามนตรี” ที่ควบตำแหน่ง Brand Ambassador ของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว “ไอคอน เฟส ไอเซรั่ม” เซรั่มหน้ากระจก โดย “มิน พีชญา” จะเข้ามาดูแลด้านการตลาดออนไลน์โดยใช้ประสบการณ์และฐานผู้ติดตามบน Tiktok 5.5 ล้านคน ตามรอยผู้บริหารหนุ่ม“บอสกันต์” กันต์ กันตถาวร ที่เข้าดูแลงานด้านสื่อสารมวลชน เพื่อรุกตลาดออนไลน์โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก่อนหน้านี้
“ปีนี้เราจะใช้งบโฆษณากว่า 500 ล้านบาท ปูพรมการตลาดทั้งสื่อ Online OnTV และ Out of Home ครอบคลุมสื่อโฆษณาทุกประเภท ทั้งป้ายบิลบอร์ด ป้ายบนรถโดยสารประจำทาง ป้ายบนอาคารสูง อาคารใบหยก อาคารสาทรยูนิค และป้ายสื่อดิจิตอลทั่วประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่น ให้กับผู้บริโภคในกลุ่มอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงามภายใต้แบรนด์ BOOM
และใช้งบโฆษณาสำหรับเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว “ไอคอน เฟส ไอเซรั่ม” เซรั่มหน้ากระจก มากกว่า 150 ล้านบาทครอบคลุมสื่อโฆษณาทุกประเภท โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกลุ่ม Skin Care ของบริษัทจะเป็นสินค้าในกลุ่ม S-Curve ที่มียอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทัดเทียมกับผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริมสุขภาพที่มียอดขายมากกว่าร้อยละ 80 ของยอดขายรวมทั้งหมดในปัจจุบัน”