ซีพีเอ็น มั่นใจไตรมาส 2 คึกคัก ต่างชาติแห่ช้อปพุ่ง

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงาน การตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า คาดการณ์ว่าทิศทางค้าปลีกไตรมาส 2 นี้จะมีแนวโน้มดีขึ้น จากสัญญานบวกที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลก และนักท่องเที่ยวจีนทยอยเดินทางเข้ามาในไทยต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวไทยในไตรมาส 2 ให้คึกคักขึ้น

นอกจากนี้จะมี Newness ระดับโลกใหม่ๆ ทยอยเข้ามาต่อเนื่อง อาทิ Shake Shack เบอร์เกอร์ดังระดับโลก, การกลับมาของนิทรรศการ THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ในระหว่างวันที่ 1-30 กันยายน 2566 นี้

นอกจากนี้ยังมี Tourist hub รองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่ศูนย์ Tourist malls 15 ศูนย์ ทั่วประเทศ อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ ภูเก็ต พัทยาบีช เชียงใหม่ เป็นต้น พร้อมด้วย รวมทั้งมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น Welcome package ร่วมกับสายการบินต่างๆ รวมถึง โปรโมชั่นและบริการพิเศษกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมแกร่งท่องเที่ยวไทย

อาทิ การจับมือ KLOOK แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้านการท่องเที่ยวชั้นนำ เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ด้วยการเปิดให้บริการ “City Bus Transfer” รถบัสรับ-ส่งกรุงเทพฯ-พัทยา เพื่อตอบสนองความต้องการและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

การผนึกกับ WeChat Pay ผู้ให้บริการ E-Wallet รายใหญ่จากประเทศจีนเป็นครั้งแรก มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่สะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวจีนที่ทยอยเดินทางมาไทย พร้อมสิทธิพิเศษผ่าน WeChat Pay และโปรโมชั่นตลอดปี 2566 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โดยเฉพาะในศูนย์ Tourist malls ที่เป็นจุดหมายของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก

“ภาพรวมลูกค้าที่มาใช้บริการในศูนย์การค้าไตรมาส 1 เกินเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ โดยพบว่า มีทราฟฟิกกลับมาเกิน 100% โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์จากงาน THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม มีคนไทยและนักท่องเที่ยวกว่า 8 ล้านคน หลั่งไหลมาร่วมงานตลอด 4 วัน”

อย่างไรก็ดี หลังเทศกาลสงกรานต์ที่พบว่า มีการระบาดของโควิดเพิ่มสูงขึ้นนั้น บริษัทยังคงรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยภายในศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการดูแลรักษาความสะอาด ทั้งสถานที่ บุคคลากร และมีการเตรียมความพร้อม Proactive plan เพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์อยู่เสมอ

อีกปัจจัยที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบคือ คือ ค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ในช่วงหน้าร้อนนี้ โดยเซ็นทรัลพัฒนา ได้ดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานไฟฟ้า Central’s Energy Efficiency Master Plan อย่างต่อเนื่อง อาทิ ระบบปรับอากาศ มีการปรับลดเวลาใช้งานเครื่องตามเวลาการเปิดบริการศูนย์การค้า และสอดคล้องกับจำนวนผู้มาใช้บริการ, ปรับลดการเปิดไฟฟ้าให้แสงสว่างเท่าที่จำเป็น และปิดไฟเร็วขึ้นหลังปิดให้บริการ

ปรับลดการเปิดไฟฟ้าให้แสงสว่างในช่วงกลางวันให้สอดคล้องกับสภาพแสงสว่างธรรมชาติ และลดการเปิดไฟในพื้นที่ลานจอดรถที่ไม่มีผู้ใช้บริการ เพื่อความปลอดภัย, ระบบลิฟท์และบันไดเลื่อน ปรับลดการเปิดใช้ล่วงหน้าก่อนเปิดให้บริการ และปิดให้เร็วขึ้นหลังปิดให้บริการ, ลดการใช้พลังงานในบริษัท ปรับลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาพักเที่ยง, ใช้บันไดขึ้น-ลงระหว่างชั้นแทนการใช้ลิฟท์ และเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและหลอดไฟประหยัดพลังงาน เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีแผนงานประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืน โดยเตรียมการติดตั้ง Solar Rooftop และ Solar Street Light พร้อมใช้ระบบอัจฉริยะ สำหรับระบบไฟแสงสว่าง การติดตั้งฉนวนและฝ้าเสริมเพื่อลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร เปลี่ยน Chiller เป็นแบบ High Efficiency เป็นต้น เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นองค์กร Net Zero ในปี 2050

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,884 วันที่ 4 - 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2566