นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารสยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดเผยว่า สิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องทำคือ ความเร็ว (Speed) เพื่อให้ประเทศไทยชนะประเทศอื่น
ซึ่งความเร็วจะทำให้ประเทศไทยชนะ เพราะตอนนี้ทุกอย่างต้องแข่งขัน ต้องช่วงชิงกันมากขึ้น ดังนั้นรัฐบาลใหม่ต้องไปจัดลำดับความสำคัญ (priority) ว่าจะดำเนินการอะไรก่อน หรือหลัง และสิ่งที่ดำเนินการนั้นจะสร้างผลกระทบอะไร ซึ่งหากอะไรที่ดีอยู่แล้วก็ต้องสานต่อ อะไรที่คิดว่าไม่ใช่ ก็ไปดูเป็นเรื่องๆ
“อยากให้รัฐบาลจัดลำดับความสำคัญ ทำเรื่องสำคัญก่อน แก้เรื่องที่สำคัญก่อน ถ้าเราต้องแก้ทุกเรื่อง 100% ไม่รู้ว่า 3 ปีจะเสร็จหรือไม่ ต้องจัดเลยว่า อันไหนทำแล้วได้ผลก่อน ก็ทำเรื่องนี้เลย อันนี้ต้องรื้อ ก็รื้อไป ทำคู่ขนานกันไป”
การสร้างความเชื่อมั่น ดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทย และผลักดันให้ไทยเป็นฮับของสำนักงานใหญ่แห่งเอเชีย (Hub of Headquarter Asia) หากจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว ต้องรีบทำเรื่องทันที เพราะนักธุรกิจอยากเข้ามาลงทุนจำนวนมาก ซึ่งจำเป็นต้องวางรากฐานเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ก่อนที่จะสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ และทำอย่างไรให้มีความพร้อม เช่นเดียวกับเวียดนาม เพราะวันนี้เวียดนามให้บริการแบบ one stop service ที่นักลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนได้แบบเบ็ดเสร็จ
“รัฐบาลใหม่ต้องทำงานเป็นทีมเวิร์ก กับคนต่างชาติที่มาลงทุน ให้คำแนะนำ รวมถึงนโยบายอื่นๆ ที่อาจจะรวมไปถึงเรื่องภาษี, Free Trade Zone ที่อาจจะเกิดขึ้นใน EEC และมีกฎหมายออกมาแล้ว แต่จะทำที่อื่นๆ นอกเหนือได้หรือไม่ ซึ่งต้องทำเป็นองคาพยพ ที่ต้องมีคนนั่งศึกษาและทำอย่างรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลเก่าแก้กฎหมายไปเยอะแล้ว ต้องรีบสานต่อ เพราะมันเป็นเรื่องของเม็ดเงินที่จะเข้ามาและอยู่อย่างยั่งยืน ลงแล้วไม่ไปไหน”
นางชฎาทิพ กล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่การแจก เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบ ที่จะทำให้การทำงานหรือการหาเลี้ยงชีพ การทำธุรกิจของคน มีระบบที่ดี ที่ได้รับการซัพพอร์ตให้อยู่บนขาของตัวเอง หาเงินเองได้ การแจกเงินไม่ได้ให้อะไรกับใครเลย อาจจะเป็นประชานิยม แต่เข้าใจว่าทำในช่วงโควิด ซึ่งต้องใส่เงินเข้าไป
เพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แต่ตอนนี้โควิดจบไปแล้ว เราต้องกลับมาในโหมดปกติ ซึ่งต้องถูกฟิคเรื่องระบบและการบริหารจัดการ ที่จะทำให้ทุกภาคส่วน สามารถทำผลผลิต หรือสร้างธุรกิจที่แข็งแรง หรือมีเงินได้ ต้องเอาเวลาและงบไปใส่ตรงนั้น ไม่ใช่เอามาแจก
“สิ่งที่กังวลคือ เรื่องของสุญญากาศ เพราะทุกอย่างเราไม่ได้แข่งกับตัวเอง เราแข่งกับคนทั้งโลก ฉะนั้นโอกาสของประเทศไทยมาดีอยู่แล้ว เราจะฉกฉวยโอกาสนั้นอย่างไร ถ้าเราช้า มีความไม่ชัดเจน เขาก็ไปประเทศที่เขาชัดเจน หรือสามารถเซอร์วิสเขาได้ มากกว่า อันนี้คือ ความได้เปรียบ เสียเปรียบ เป็นเกมของการช่วงชิงโอกาสที่จะทำให้ประเทศก้าวกระโดด ถ้าไม่มีรัฐบาล หรือมีรัฐบาล แต่ไม่สามารถทำอะไรได้รวดเร็ว เราจะเสียโอกาสมาก เหมือนเราเพลี่ยงพล้ำไปเลย”
นางชฎาทิพ กล่าวอีกว่า กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์อยู่ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และรีเทล ซึ่ง ผู้ประกอบการค้าปลีก นักลงทุนทั่วโลก ต้องการลงทุนในไทยด้วยเม็ดเงินมหาศาลสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อไทย ซึ่งหากผนวกกับการมีรัฐบาลที่เข้มแข็งจะยิ่งสร้างความไว้ วางใจทางการลงทุนในไทยไม่เฉพาะพื้นที่ กรุงเทพฯ แต่ขยายโอกาสทั่วประเทศ
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,894 วันที่ 8 - 10 มิถุนายน พ.ศ. 2566