นายอเล็กซ์ มา รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง โตชิบาตั้งเป้าเติบโต 15% โดยวางกลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.การออกสินค้าใหม่อีก 39 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ ดีไซน์ รวมไปถึงราคา 2. ขยายช่องทางการขายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเพิ่มจำนวนไลน์อัพสินค้าเข้าร้านค้าอีก 10% โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้า Mid to High
รวมถึงแคมเปญใหญ่ของวงการอีคอมเมิร์ซในช่วง 11.11 และ 12.12 บริษัทตั้งเป้าเติบโต 30% โดยทุ่มงบเพิ่ม 20% สำหรับกระตุ้นการขายและตอบแทนลูกค้าในช่วงเวลาดังกล่าว และเตรียมพร้อมสำหรับเพิ่มไลน์สินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะสินค้า Exclusive ที่มีขายเฉพาะในช่องทางออนไลน์เท่านั้น เพื่อไม่ให้แย่งตลาดกับช่องทางอื่น นอกจากนี้โตชิบายังเดินหน้าโครงการ Partner Synergy เป็นความร่วมมือระหว่างแบรนด์กับคู่ค้าในการร่วมกันพัฒนาสินค้าและบริการให้โดนใจผู้บริโภคที่สุด
3. ด้านการตลาด บริษัทมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อให้เกิดการรับรู้และความเชื่อมั่น ทั้งในลูกค้าที่เป็นฐานเดิมของโตชิบา รวมไปถึงฐานลูกค้าใหม่ที่ young gen ยิ่งขึ้น มากไปกว่านั้น บริษัทยังให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองได้สัมผัสสินค้าจริง การจัดโรดโชว์ทั่วประเทศต่อเนื่องทุกเทศกาล ทั้ง ณ ร้านค้าจุดขาย รวมถึงตามสถานที่ชุมชนทั่วไป
สุดท้ายคือการให้ความสำคัญกับช่องทางขายที่บริษัทใส่ใจตั้งแต่การปรับปรุงหน้าร้านให้สวยงาม พร้อมบริการการทำแคมเปญส่งเสริมการขายให้คู่ค้า รวมไปถึงการพัฒนาทักษะต่อเนื่องให้กับพนักงานขาย เพื่อสามารถให้ข้อมูลและบริการลูกค้าได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านใน 6 เดือนแรก มีมูลค่ารวม 4.5 หมื่นล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าราวม 3.9 หมื่นล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ที่เติบโตสูงสุด ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เติบโต 36% เนื่องจากในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา ประเทศไทยมีอากาศร้อนมาก และร้อนยาว เครื่องทำน้ำอุ่น 15% หม้อหุงข้าว 6% ในขณะที่ไมโครเวฟ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้าเติบโตติดลบ
สำหรับผลประกอบการของโตชิบา ไทยแลนด์ ในครึ่งปีแรก บริษัทเติบโต 15% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ (ไม่นับรวมเครื่องปรับอากาศ) โดยโตขึ้นในทุกกลุ่มสินค้า ได้แก่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ และหม้อหุงข้าว เมื่อเทียบกับปี 2565
ทั้งนี้ในครึ่งปีแรก บริษัทเปิดตัวสินค้าใหม่ไป 31 รุ่น ทั้งเป็นรุ่นที่ทดแทนรุ่นเดิม และขยายกลุ่มสินค้าใหม่ โดยเน้นการเจาะสินค้ากลุ่มพรีเมียมมากขึ้น เน้นฟังก์ชัน IOT เพื่อให้รับกับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ นอกจากการขยายไลน์อัพสินค้า ช่องทางการขายก็เป็นหัวใจหลักที่ทำให้เราโตมากขึ้น
นอกจากการเน้นการเพิ่มจำนวนสาขาที่มากขึ้นแล้ว บริษัทยังเลือกเน้นสาขาที่ขายสินค้ากลุ่มไฮเอนด์เพิ่มขึ้น และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การทำแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ ให้โดนใจ และเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคยิ่งขึ้น รวมไปถึงการสร้างการรับรู้ในสินค้าใหม่ๆ ทั้งผ่านทางผู้เชี่ยวชาญของบริษัท ณ จุดขาย รวมไปถึงการให้ KOL รีวิว เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจและเชื่อมั่นยิ่งขึ้น
“ครึ่งปีหลัง บริษัทคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น จากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย ผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอย และเดินทางท่องเที่ยวเยอะขึ้น ทำให้อัตราการบริโภคสูงขึ้น รวมไปถึงภาคอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่เริ่มขยายตลาดอย่างจริงจัง ส่งผลให้อัตราการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น และท้ายสุดภาคการส่งออกก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งน่าจะทำให้ภาพรวมปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าดียิ่งขึ้น”
ด้านนางสาวธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังโตชิบาจะเปิดตัวสินค้าอีก 39 รุ่น โดยแบ่งเป็นตู้เย็น 21 รุ่น เครื่องซักผ้า 4 รุ่น หมวดเครื่องครัว 6 รุ่น และเครื่องใช้ในบ้านอีก 8 รุ่น โดยโตชิบาทุ่มงบการตลาดมากขึ้น เพื่อทำกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจร
“โตชิบามุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูทันสมัย มีเอกลักษณ์เฉพาะของความเป็นโตชิบา รวมถึงการใส่ใจในรายละเอียด (#DetailsMatter) ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งออฟไลน์ อาทิ สื่อวิทยุ สื่อนอกบ้าน เช่น บิลบอร์ด แอลอีดีบอร์ด รถไฟฟ้า รถสาธารณะ รถแห่ รวมถึงการทำดิสเพลย์พิเศษ และโรดโชว์ต่างๆ และสื่อออนไลน์ ทั้งดิจิทัลและโซเชียลมาร์เก็ตติ้งแคมเปญ การใช้ KOLs (Key Opinion Leaders) ที่มีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ และคอนเทนต์ที่ผู้บริโภครีวิวมาเป็นกระบอกเสียงให้แบรนด์”
นอกจากนี้ยังเน้นการทำกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนจำหน่าย อาทิ การจัดอบรมสัมมนาความรู้ใหม่ๆ เพื่อช่วยการขาย จัดทำคอร์สเพื่อส่งเสริมให้ตัวแทนจำหน่ายรุ่นเยาว์รักที่จะสานต่อธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าจากรุ่นพ่อ การทำแคมเปญส่งเสริมการขายให้ตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการซื้อครั้งแรกและซื้อซ้ำ
“นอกจากการทุ่มงบไปกับการสร้างแบรนด์และการส่งเสริมการขายแล้ว โตชิบาปรับโฉมร้านค้า สแตนด์ คอร์เนอร์ ป้ายบิลบอร์ด รวมถึง POP (Point of Purchase) ให้มีภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมียมขึ้น สะอาดตา ทันสมัย เข้าถึงง่าย และมีเอกลักษณ์เหมือนกันทั่วโลก และให้ความสำคัญกับพนักงานขายที่หน้าร้าน โดยเพิ่มจำนวนพนักงานมากขึ้น ฝึกอบรมให้มีทักษะ ความชำนาญ และบุคลิกภาพที่ดี เพื่อแนะนำข้อมูลลูกค้าได้อย่างถูกต้อง รวมถึงทำแคมเปญเพื่อสร้างแรงจูงใจในการขายต่อเนื่อง”
ขณะที่นางกนิษฐ์ เมืองกระจ่าง ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า แม้สถานการณ์ในปี 2566 จะดีขึ้นกว่าปีก่อน แต่บริษัทไม่เคยประมาท โดยจัดทำการรีวิวแผนในทุกไตรมาส เพื่อพร้อมรับสำหรับการเปลี่ยนแปลง โตชิบาโชคดีที่มีฐานการผลิตป้อนสินค้าให้ ทั้งจากในประเทศไทยและต่างประเทศ
“โตชิบามีบริษัทแม่ที่พร้อมสนับสนุนและเชื่อมั่นในบริษัทและในประเทศไทย อีกทั้งยังมีประชุมกับคู่ค้า ทีม R&D และโรงงาน เพื่อพูดคุย ถกไอเดีย เพื่อพัฒนาไลน์การผลิตให้มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการผู้บริโภคคนไทย เราประชุมกับทีมการตลาด ทีมขาย และทีมบริการทุกเดือน เพื่อหาแนวทางในการทำงานที่เหมาะสม เพื่อก่อให้เกิดยอดขายที่มากขึ้น รวมไปถึงงานบริการที่ดีขึ้น”
ด้วยศักยภาพของประเทศไทย บริษัทแม่ ลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่มูลค่าราว 5,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปลายปี 2565 ทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 2,000 คน และทดลองระบบการผลิตเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เพื่อเครื่องปรับอากาศเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆในเอเชียและสหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตอย่างเป็นทางการในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งจะมีกำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศทั้งสิ้น 4 ล้านเครื่องต่อปี