นายกฤตนัน สนธิจิรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะซิกเนเจอร์ เเบรนด์ จำกัด หรือ เอสบีโอ (SBO) เปิดเผยว่า ในช่วงโควิดเป็นปีที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวอย่างมีนัยยะ เพราะเกิดการทรานส์ฟอร์มพฤติกรรมลูกค้าให้มีความกล้าในการใช้จ่ายมากขึ้นกับเครื่องครัว จากการอยู่บ้านเป็นเวลานาน
ทำให้ผู้บริโภคเริ่มเห็นความสำคัญกับการตกแต่งบ้านโดยเฉพาะห้องครัวให้มีฟังก์ชันและดีไซน์ อีกส่วนคือลูกค้าเริ่มเปิดรับเทรนด์จากต่างประเทศในการมีครัวนอกบ้านและครัวในบ้าน โดยครัวในบ้านหรือครัวฝรั่งจะต้องโชว์ได้ด้วย
สำหรับ SBO ทำธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวมากว่า 30 ปีเป้าหมายของการทำธุรกิจคือการเป็น portfolio ของแบรนด์ต่างๆ เพราะฉะนั้นเราจะต้องคอยมองหาแบรนด์ที่ดีและนำเข้ามาต่อเนื่อง เพื่อจับตลาดให้ครบ โดยแบรนด์หลักที่นำเข้ามาเป็นแบรนด์อิตาลี ชื่อว่า “เทคโนแก๊ส” ด้วยโพสิชั่นนิ่งค่อนไปทางพรีเมี่ยมแมส
อย่างไรก็ตามผู้บริหารมองว่าหลังจากทำตลาดมาสักระยะหนึ่ง ทำให้เห็นว่ายังมีช่องว่างในการทำตลาด เพราะคนไทยต้องการเครื่องครัวที่ใช้งานหนัก บริษัทจึงพัฒนาแบรนด์ของตัวเองโดยพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่สามารถใช้ครัวไทยได้ ภายใต้แบรนด์ “เทคโนพลัส” ซึ่ง นอกเหนือจากทำครัวไทยได้ยังจะต้องมีอินโนเวชั่นและดีไซน์
การสร้างแบรนด์จึงเน้นไปที่การหาลูกเล่นใหม่ๆทั้งดีไซน์และฟังก์ชันเพื่อสร้างความแตกต่าง เพราะโพสิชันนิ่งของเทคโนพลัส จัดอยู่ในตลาดที่สู้กันด้วยราคา นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ “เทคโนสตาร์” เป็น Fighting Band ที่ฟังก์ชันคุ้มค่ากับราคา โดยทั้ง 3 แบรนด์จะครอบคลุมตลาดในกลุ่มรีเทล ที่เป็นโมเดิร์นเทรดทั้งหมดทั้งโฮมโปร ไทวัสดุ บุญถาวร Global House ดูโฮม ทั่วประเทศประมาณ 250 สาขา
อย่างไรก็ตามในปีนี้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากการที่กลุ่มคนรายได้ระดับกลางขึ้นไปเริ่มซื้อคอนโดมิเนียม ไว้เก็งกำไรหรือเป็นบ้านหลังที่ 2 ส่งผลให้ความต้องการซื้อเครื่องครัวสูงตามไปด้วย ซึ่งผู้บริหารวางแผนธุรกิจในการขยายเซกเมนต์ เพื่อจับตลาดที่กว้างขึ้น
“ปีนี้เราตั้งใจขยับตัวมากขึ้นในทั้ง 3 แบรนด์ เพราะในช่วงโควิดยอดขายสินค้าที่เกี่ยวกับตกแต่งบ้านค่อนข้างสูง แต่สิ่งที่ชะงักไปคือ เรื่องของการพัฒนาสินค้าเพราะโรงงานส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ แต่หลังโควิดลูกค้ามีความต้องการสินค้าที่กระจายมากขึ้นทั้งบางคนต้องการฟังก์ชัน บางคนต้องการดีไซน์และบางคนเน้นเรื่องแบรนดิ้ง เราจึงพยายามพัฒนาสินค้าใหม่ในทุกๆแบรนด์
ดังนั้นในช่วงไตรมาส 3 - 4 “เทคโนพลัส”จะมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดหลายรุ่นทั้งซิงค์ เตาแก๊ส และเครื่องดูดควัน ส่วน “เทคโนแก๊ส” ปีนี้เราก็ไม่ได้ทิ้ง ประมาณไตรมาส 4 จะเปิดตัวสินค้าใหม่ “Black series” ทั้ง เตาอบ เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควันซึ่งเป็นคอลเลคชั่น แรกของอิตาลีหลังจากโควิดเลย ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายหลักของบริษัทยังคงเป็นเทคโนแก๊สและเทคโนพลัสประมาณ 35-40%”
นอกจากนี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา SBO ได้เปิดตัวโปรเจ็กต์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ให้ครอบคลุมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าครัวทั้งหมด “CUCINA GALLERIA” (คูซิน่า แกลเลอเรีย) เพื่อจับตลาดไฮเอนด์โดยเฉพาะ คอนเซปท์ คือการเสาะหาแบรนด์ไฮเอนด์ของโลกที่ไม่ค่อยมีขายในไทยเข้ามาทำตลาด
“คอนเซ็ปต์ของ CUCINA เป็นโชว์รูมเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวระดับไฮเอนด์ ตอนนี้มีเข้ามา 4 แบรนด์ โดย 3 แบรนด์เป็นแบรนด์อิตาลีและ 1 แบรนด์ฝรั่งเศส ในการเลือกแบรนด์เข้ามาจะเลือกที่ดีไซน์ เพราะโลกของเครื่องครัวถ้ามีความไฮเอนด์ระดับหนึ่งฟังก์ชันจะเริ่มไม่ค่อยดีมากนัก แต่จะหนีกันที่ดีไซน์ คอนเซ็ปต์ การตกแต่ง เพราะฉะนั้นเราตั้งธงไว้ว่าทุกแบรนด์ที่นำเข้ามาจะต้องมีดีไซน์ที่โดดเด่น
ภาพรวมทั้งบริษัทปีนี้เราตั้งเป้าเติบโตประมาณ 7-10 % เป้าหมายยอดขาย คือทะลุ 1,000 ล้านบาท หลังจากปีที่แล้วปิดรายได้ที่ 970 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 ซึ่งมีรายได้กว่า 950 ล้านบาท สาเหตุที่ปีที่แล้วยอดขายไม่ได้เติบโตขึ้นมากเพราะว่า โควิดเริ่มซาลง และค่าใช้จ่ายในส่วนของต้นทุนค่อนข้างหนัก”
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,910 วันที่ 3 - 5 สิงหาคม พ.ศ. 2566