ยกเครื่อง “อินเด็กซ์ฯ ภูเก็ต” สู่เดสติเนชั่นเฟอร์นิเจอร์-ของแต่งบ้าน

24 ส.ค. 2566 | 12:00 น.

ILM เคาะงบ 70 ล้าน ปรับโฉม “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาภูเก็ต” ในรอบ 19 ปี วางเป้าจุดหมายใหม่ของคนรักบ้าน-ธุรกิจตกแต่งใหญ่ที่สุดในภาคใต้ รับภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจอสังหาฯโตต่อเนื่อง

บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือ ILM ปรับทัพสอดรับยุทธศาสตร์แผนการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว  ทุ่ม 70 ล้านบาท  พลิกโฉม “สาขาภูเก็ต” ครั้งใหญ่ ก้าวสู่เดสติเนชั่นอันดับ 1 เรื่องเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ที่ใหญ่และดีที่สุดในภาคใต้ รับการท่องเที่ยวคึกคัก ดันตลาดอสังหาฯ และการตกแต่งเติบโตต่อเนื่องคาดผลักดันยอดเติบโตได้ 30% ในปีแรก

ILM ยกเครื่อง “สาขาภูเก็ต” สู่เดสติเนชั่นเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM เปิดเผยว่าครึ่งปีแรกปี 2566 มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว เพื่อสัมผัสความสวยงามทางธรรมชาติของทะเลอันงดงาม, สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองภูเก็ต กว่า 6 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ครองอันดับ 1 คือรัสเซีย ด้วยจำนวน 387,329 คน ตามด้วยอินเดีย 116,181 คน โดยพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวรัสเซียจะใช้ระยะเวลาอยู่อาศัยตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 1 ปี ในรูปแบบการพักอาศัยโรงแรมระดับลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่ ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่มีกำลังซื้อสูงก็เลือกซื้ออสังหาฯ ประเภทคอนโด, วิลล่า, โครงการแนวราบ รวมถึงเรือยอร์ช

ซึ่งปัจจุบันโครงการอสังหาฯ ในภูเก็ตเติบโตพุ่งสูงถึง 3 เท่าตัว และครึ่งหนึ่งของอสังหาฯ เป็นการจับจองของนักท่องเที่ยวรัสเซีย  โดยย่านที่ได้รับความสนใจคือ บริเวณตำบลเชิงทะเล ที่ลากูน่า และลายัน ต.วิชิต ที่เขาขาด ต.ฉลอง ต.ราไวย์ เป็นต้น จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ภูเก็ตขึ้นแท่นเป็นเมืองทัวร์ริสต์ที่ลูกค้าต่างชาติมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุด รองลงคือจังหวัดชลบุรีและเชียงใหม่ 

ILM ยกเครื่อง “สาขาภูเก็ต” สู่เดสติเนชั่นเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน

สอดคล้องกับข้อมูลจาก (“REIC” ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์) ที่ระบุว่าภูเก็ตเป็นจังหวัดมีการเปิดตัวโครงการจัดสรรเป็นอันดับ 1 ซึ่งมีหน่วยเสนอขาย 4,550 หน่วย รองลงมาคือจังหวัดสงขลา 3,650 หน่วย, จ.สุราษฎร์ธานี 2,800 หน่วย และจ.นครศรีธรรมราช 1,900 หน่วย ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตยังคงเป็นจังหวัดที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่และหน่วยเสนอขายมากที่สุดคือ 3,690 หน่วย คิดเป็น 80% ของจำนวนคอนโดที่เปิดขายทั้งหมดใน 4 จังหวัดข้างต้น

ทั้งนี้ในปัจจุบันดีมานด์อสังหาฯ ยังคงเติบโตต่อเนื่องทั้งเพื่อซื้อสำหรับอยู่อาศัยจริง และเพื่อลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสการเติบโตจากปัจจัยการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและศักยภาพในด้านต่างๆ รวมถึงการคมนาคมที่สะดวกทั้ง   ทางอากาศและรถยนต์ที่สามารถเชื่อมต่อพื้นที่ จ.พังงาและกระบี่ได้อีกด้วย


บริษัทฯ จึงต่อยอด “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ภูเก็ต” ให้เป็นแลนด์มาร์คของคนรักบ้านที่รวมทุกความต้องการทั้งเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ในบ้าน ของตกแต่งบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ครบจบในที่เดียว โดยทุ่มงบกว่า 70 ล้านบาท ปรับโฉม อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาภูเก็ต ครั้งใหญ่ในรอบ 19 ปี สู่ความเป็น ที่สุดของเฟอร์นิเจอร์อันดับ 1 ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ จุดหมายใหม่ของคนรักบ้าน  และกลุ่มธุรกิจที่ชื่นชอบการตกแต่ง เพื่อให้สอดรับกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและภาคเศรษฐกิจทั้งธุรกิจโรงแรม & รีสอร์ท, วิลล่า,  ออฟฟิศ,  ร้านอาหาร ฯลฯ บนพื้นที่ขายกว่า 7,900 ตร.ม. สู่ Lifestyle Mall แห่งอนาคตกับ “ENJOY A NEW EXPERIENCE IN PHUKET....MORE THAN EVER”

ILM ยกเครื่อง “สาขาภูเก็ต” สู่เดสติเนชั่นเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน

“สาขาภูเก็ต นับเป็น Top 3 ของกลุ่มสโตร์ทัวร์ริสต์ที่มีศักยภาพที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เปิดให้บริการมา 19 ปี ล่าสุดบริษัทฯ ได้ทรานส์ฟอร์มเพื่อปรับแผนการรีโนเวท เพิ่มแบรนด์สินค้าเติมเต็มทุกความต้องการ  ให้เป็นเดสติเนชั่นอันดับ 1 เรื่องเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่และดีที่สุดในภาคใต้ เพื่อรองรับภาคเศษฐกิจที่กำลังเติบโตในทุกมิติสอดรับกับแผนพัฒนาของจังหวัดภูเก็ต“สู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การศึกษา นวัตกรรมบริการ ในระดับมาตรฐานนานาชาติ และการพัฒนาที่ยั่งยืน” เช่น มุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านการท่องเที่ยว, พัฒนาเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพอนามัย-การบริการทางการแพทย์, เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจเพื่อรองรับการจัดกิจกรรม & นิทรรศการระดับนานาชาติ, พัฒนาสู่ศูนย์กลางของการศึกษานานาชาติระดับอาเซียน  รวมถึงพัฒนาสู่การเป็นเมือง Smart City ที่ทันสมัยในทุกๆด้าน ฯลฯ  

 

และคาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายเติบโตได้ 30% ในปีแรกหลังการปรับโฉมสโตร์  นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการมอบสิ่งแวดล้อมที่ดีตอกย้ำการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน โดยใช้พลังงานสะอาดจากการติด Solar Rooftop ด้วยงบลงทุนกว่า 10.6 ลบ. มีกำลังการผลิต 467 กิโลวัตต์ และคาดจะผลิตไฟฟ้าได้ราว 654,491 กิโลวัตต์ ซึ่งจะเริ่มใช้ใน Q4/2566”