สมรภูมิค้าปลีกกรุงเทพฝั่งตะวันตกกลับมาระอุอีกครั้ง เมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกเมืองไทยอย่าง “เซ็นทรัลพัฒนา” และ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ปักหมุดเสิร์ฟศูนย์การค้ายักษ์ ที่รวมสารพัดสรรพสิ่งมาไว้ ตอบรับไลฟ์สไตล์กลุ่มครอบครัว คนรุ่นใหม่ ที่พร้อมควักกระเป๋าช้อปปิ้งตลอดเวลา
นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า วันนี้ภาพรวมค้าปลีกของกรุงเทพ ฝั่งตะวันตกจะแข่งขันรุนแรงมากขึ้น จากการพลิกโฉมเดอะ มอลล์ สาขาบางแค สู่ “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค” เพื่อรองรับกำลังซื้อของคนกรุงเทพ ฝั่งตะวันตก ซึ่งมีทั้งหมู่บ้าน โรงงาน คนไทยเชื้อสายจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการมีกำลังซื้อมีศักยภาพ และเป็นฐานลูกค้า VVIP กลุ่มใหญ่ มีการใช้จ่ายต่อหัวสูง มียอดใช้จ่ายมากสุดเทียบเท่าสยามพารากอน
“ด้วยศักยภาพของเดอะมอลล์ สาขาบางแค ซึ่งมีฐานลูกค้าคนไทยเชื้อสายจีน กลุ่มครอบครัว และ Gen X เป็นกลุ่มที่ผสมผสานคนหลายเจนเนอเรชั่นไว้ด้วยกัน รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนและกลุ่ม Expat ในย่านฝั่งธน เดอะมอลล์จึงเลือกที่จะอัพสเกล คัดสรรร้านค้าแบรนด์ดัง รวมถึงการจัดอีเว้นต์ระดับพรีเมี่ยมเข้ามาเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับกำลังการจับจ่าย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้ทยอยปรับพื้นที่ และเสริมทัพแบรนด์ดังต่างๆ เพื่อให้เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแคสามารถแข่งขันและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด”
สำหรับการพลิกโฉมเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแคครั้งนี้ใช้งบลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท (เม็ดเงินรวมการต่อสัญญาเช่าพื้นที่ออกไปอีก 30 ปี) ที่มีพื้นที่รวมกว่า 3.5 แสนตร.ม. ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A HAPPY PLACE TO LIVE LIFE : ชีวิตที่มีความสุขทุกครอบครัว” เพื่อสร้างความสุขใหม่แบบไร้พรมแดน ที่มีความหลากหลายมากขึ้น พร้อมพบกับความมหัศจรรย์มากมาย ด้วยการผสมผสานอย่างลงตัวของนวัตกรรมการตกแต่งที่ทันสมัยระหว่างเทคโนโลยีกับธรรมชาติให้เป็นมากกว่าห้างสรรพสินค้า และสร้างให้เป็นพื้นที่แห่งใหม่สำหรับคนเมือง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ของคนทุกยุคยุควัย
ด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ ความเป็นมืออาชีพในการพัฒนาศูนย์การค้ามากว่า 42 ปี การปรับปรุงโฉมใหม่ครั้งนี้ พันธมิตรธุรกิจกว่า 2,000 แบรนด์ทุกกลุ่มสินค้า Fashion, Beauty, Lifestyle, Entertainment, Food & Dining , Digital & Technology, Health & Wellness, Gold & Jewelry, Financial Hub , Gourmet Market ที่ร่วมเติบโตมากับเดอะมอลล์ จะร่วมสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่นี้ไปด้วยกัน เพื่อสอดรับกับความต้องการของลูกค้าทุกเจนเนอเรชั่นพร้อมกันนี้ได้ ซึ่งหลังเปิดให้บริการบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการราว 20 ล้านคนต่อปี
โดยเพิ่ม Key Anchor ที่มีศักยภาพมาในการตอบโจทย์และยกระดับไลฟ์สไตล์ให้สอดคล้องกับการขยายของเมืองให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ในกลุ่มสินค้าต่างๆ ทั้ง Fashion, Beauty, Lifestyle, Entertainment, Food & Dining , Digital & Technology , Health & Wellness, Gold & Jewelry, Financial Hub, Gourmet Market โดยไฮไลท์ ได้แก่
“เมกา ฮาร์เบอร์แลนด์” (MEGA HarborLand) สนามเด็กเล่นในร่มขนาดใหญ่มาตรฐานความปลอดภัยจากผู้ผลิตชั้นนำจากยุโรป และ “Outdoor Playground” สนามเด็กเล่นกลางแจ้ง เครื่องเล่นนำเข้า เช่น Sky Rider, ART Island , Harbor Island สวนน้ำกลางแจ้ง พร้อมเครื่องเล่น Super Island หอคอยสไลด์ลอยฟ้า, Little Island , Lazy Island ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือน มี.ค. 67
นอกจากนี้ยังมี “มูจิ” (MUJI) และ MUJI Coffee Corner มุมกาแฟสไตล์ญี่ปุ่น, SF CINEMA ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Entertainment Scenario’ จัดเต็มความบันเทิงกับ 8 โรงภาพยนตร์คุณภาพ ครบครันด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำแห่งโลกภาพยนตร์ทั้งระบบฉาย Sony Digital Cinema 4K ที่ให้ความละเอียดภาพคมชัดสูงสุดถึง 8.8 เมกะพิเซล รวมถึง Digital Cinema 3D ให้ภาพคมชัดทะลุมิติ และระบบเสียง Dolby Digital Surround 7.1 ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา
“เซ็นทรัล เวสต์วิลล์” เป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่มาเสริมแกร่งทำเลฝั่งตะวันตก ด้วยเป้าหมายที่ต้องการรองรับการเติบโตของเมืองและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนในย่าน โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อสูง กลุ่ม Affluent & Quality Lifestyle จากโครงการที่อยู่อาศัยระดับ High-End ในย่านราชพฤกษ์ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าเมือง ถือเป็นย่านที่มีศักยภาพสูง มีการเติบโตของเมืองสูงและมีประชากรใน Catchment Area ประมาณ 6 แสนคน เต็มไปด้วยไลฟ์สไตล์แบบ Urban living เทียบเท่าย่าน CBD ใจกลางเมือง
รวมถึงการเดินทางสะดวก สามารถเชื่อมต่อไปโซนสำคัญต่างๆ ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่สาทร เพชรเกษม บรมราชชนนี ไปจนถึงนนทบุรี และปทุมธานี มีการขยายระบบคมนาคม และรถไฟฟ้าหลายสาย โดยเฉพาะสายสำคัญคือรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ที่เชื่อมตรงเข้าสู่เมือง ทำให้เกิดเป็นย่านใหม่ “Westville District” ยกระดับฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ในอนาคตได้
โดยนายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เซ็นทรัลพัฒนาตั้งใจยกระดับและสร้างย่านนี้ให้เกิดขึ้นและเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงถึงศักยภาพของย่าน พร้อมเชื่อต่อราชพฤกษ์กับสาทร บุกเบิกให้เป็น New CBD กรุงเทพ ฝั่งตะวันตก โดยจะเป็นการยกระดับวงการค้าปลีกและชีวิตเมือง
ดังนั้นการออกแบบศูนย์การค้าที่จะเป็น New Prototype ที่ผสานรวม Semi-Outdoor Mall และ Low-Carbon Mall เข้าด้วยกัน พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่กลุ่มลูกค้า Pet Lover ขณะเดียวกันก็ยังมีแบรนด์สินค้าชั้นนำ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ระดับบน มีกำลังซื้อสูงที่อาศัยในย่านราชพฤกษ์และบริเวณโดยรอบ
“เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ เป็นต้นแบบศูนย์การค้ารักษ์โลกแห่งแรกของบริษัท พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตด้วยการนำ Nature มาผสมผสานกับ Urbanization เป็น The First-ever Nature Harmonized Retail นอกจากนี้ ยังจับมือพันธมิตร Green Partnership นำโดย บริษัท SCG, GC, MITSUI และ Recycle Day ร่วมกันสร้าง Strategic Partners ผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ
วันนี้เซ็นทรัลพัฒนา พร้อมสร้างให้เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ เป็นแลนด์มาร์กแห่งกรุงเทพ ตะวันตก ด้วยร้านค้าแบรนด์ดังฅกว่า 300 ร้าน และกว่า 80 ร้านอาหารดัง ที่จะมาตอบรับไลฟ์สไตล์ชาวกรุงเทพ ฝั่งตะวันตก และปลุกย่านราชพฤกษ์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ พร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 พ.ย. นี้”
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 43 ฉบับที่ 3,944 วันที่ 30 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม พ.ศ. 2566