บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ส่งจดหมายชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ภายใต้แบรนด์ “โตชิบา” ในประเทศไทย โดยนางกนิษฐ์ เมืองกระจ่าง ประธาน และนายอเล็กซ์ มา รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ระบุว่า
ตามที่ได้มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ ทั้งในประเทศญี่ปุ่น ประเทศไทย และทั่วโลก เกี่ยวกับข่าว “บริษัท โตชิบา คอร์ปอเรชัน จำกัด ขอถอนตัวออกจากตลาดหลักทรัพย์ ประเทศญี่ปุ่น”
บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน แบรนด์โตชิบา ขอเรียนชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินธุรกิจ และอนาคตของโตชิบา ไทยแลนด์ เนื่องจากได้แยกธุรกิจออกมานานแล้ว
บริษัท ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นที่ 1 ในใจผู้บริโภค ด้วยสินค้าที่มีคุณภาพและบริการที่น่าประทับใจ และเตรียมฉลองครบรอบ 55 ปีในปี 2567 โดยจัดกิจกรรมทางการตลาด โปรโมชันส่งเสริมการขาย และกิจกรรมตอบแทนสังคมมากมาย
ขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นว่า โตชิบายังคงยึดมั่นในปณิธาน “นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” เพื่อคนไทย และสังคมที่ยั่งยืน
บริษัท ระลึกอยู่เสมอว่าการดำเนินงานของธุรกิจ จะประสบความสำเร็จอันดียิ่งมิได้ หากขาดซึ่งการให้ความสนับสนุนจากท่านสื่อมวลชนทุกท่าน บริษัทจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะช่วยประชาสัมพันธ์ข่าวต่อไป
ทั้งนี้ “โตชิบา” ถูกเทกโอเวอร์ด้วยเม็ดเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกลุ่มนักลงทุนซึ่งนำโดย เจแปน อินดัสเทรียล พาร์ตเนอร์ส (JIP) ซึ่งเป็นบริษัทบริหารหุ้นนอกตลาด (Private Equity Firm) รวมถึงบริษัทโอริกซ์ (Orix) ผู้ให้บริการทางการเงิน, ชูบุ อิเล็กทริก พาวเวอร์ (Chubu Electric Power) ซึ่งเป็นบริษัทด้านสาธารณูปโภค และโรห์ม (Rohm) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิป
ทำให้โตชิบาอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทต่าง ๆ ในประเทศ หลังผ่านการต่อสู้อย่างยืดเยื้อกับบรรดานักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งทำให้การดำเนินธุรกิจของโตชิบาที่เป็นบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ ชิป ตลอดจนอุปกรณ์นิวเคลียร์ อุปกรณ์ด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ ต้องเผชิญภาวะชะงักงันในช่วงก่อนหน้านี้
โดยหลายฝ่ายคาดการณ์ว่านายทาโร ชิมาดะ ซีอีโอของโตชิบา ซึ่งยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมหลังการซื้อกิจการ จะมุ่งเน้นไปที่บริการด้านดิจิทัลที่มีอัตรากำไรสูง
สำหรับบริษัทโตชิบา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2418 โดยแรกเริ่มนั้น บริษัทเป็นผู้ผลิตนาฬิกาและตุ๊กตากลไก บริษัทถูกนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2492 หลังจากที่ตลาดกลับมาเปิดการซื้อขายหุ้นอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงนับได้ว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น