"โตชิบา"ถูกถอดจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นวันนี้ เตรียมเผชิญอนาคตไม่แน่นอน

20 ธ.ค. 2566 | 07:27 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ธ.ค. 2566 | 08:59 น.

"โตชิบา" แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ (20 ธ.ค.) หลังอยู่ในตลาดหุ้นโตเกียวมายาวนานถึง 74 ปี แต่หลังเผชิญความวุ่นวายและเรื่องอื้อฉาวมานานนับ 10 ปี ทำให้ยักษ์ใหญ่รายนี้ต้องเผชิญวิกฤต นำไปสู่การถูกซื้อกิจการและอนาคตที่ไม่แน่นอน

 

โตชิบา ถูก เทกโอเวอร์ โดยกลุ่มนักลงทุนซึ่งนำโดย เจแปน อินดัสเทรียล พาร์ตเนอร์ส (JIP) ซึ่งเป็นบริษัทบริหารหุ้นนอกตลาด (Private Equity Firm) รวมถึงบริษัทโอริกซ์ (Orix) ผู้ให้บริการทางการเงิน, ชูบุ อิเล็กทริก พาวเวอร์ (Chubu Electric Power) ซึ่งเป็นบริษัทด้านสาธารณูปโภค และโรห์ม (Rohm) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิป

การเทกโอเวอร์มูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้โตชิบาอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทต่าง ๆ ในประเทศ หลังผ่านการต่อสู้อย่างยืดเยื้อกับบรรดานักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งทำให้การดำเนินธุรกิจของโตชิบาที่เป็นบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ ชิป ตลอดจนอุปกรณ์นิวเคลียร์ อุปกรณ์ด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ ต้องเผชิญภาวะชะงักงันในช่วงก่อนหน้านี้

โตชิบาถูกเทกโอเวอร์ โดยกลุ่มนักลงทุนซึ่งนำโดย เจแปน อินดัสเทรียล พาร์ตเนอร์ส (JIP)

 

ทิศทางใหม่มุ่งธุรกิจบริการด้านดิจิทัล

แม้ว่าทิศทางของโตชิบาในมือของเจ้าของคนใหม่ยังคงไม่ชัดเจน แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่านายทาโร ชิมาดะ ซีอีโอของโตชิบา ซึ่งยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมหลังการซื้อกิจการ จะมุ่งเน้นไปที่บริการด้านดิจิทัลที่มีอัตรากำไรสูง

การสนับสนุนของ JIP ต่อนายชิมาดะได้สกัดแผนการร่วมมือกับกองทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐก่อนหน้านี้ โดยคนในแวดวงอุตสาหกรรมบางคนกล่าวว่า การแยกธุรกิจของโตชิบาอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

นายเดเมียน ตอง หัวหน้าฝ่ายวิจัยของแมคควารี แคปิตอล ซีเคียวริตีส์ ในญี่ปุ่นให้ความเห็นว่า "ความยากลำบากของโตชิบาเกิดจากการรวมกันของการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ย่ำแย่และโชคไม่ดี ผมหวังว่า การขายกิจการบริษัทในครั้งนี้ ทั้งสินทรัพย์และบุคลากรที่มีความสามารถของโตชิบาจะพบสถานที่ทำงานใหม่ที่สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่"

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นจะจับตาดูโตชิบาอย่างใกล้ชิด โดยโตชิบามีพนักงานประมาณ 106,000 คน และการดำเนินงานบางส่วนของบริษัทถือว่ามีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ

ล้มลุกคลุกคลานเกือบ 10 ปี ต่อจากนี้คือก้าวสำคัญ

บริษัทโตชิบา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2418 โดยแรกเริ่มนั้น บริษัทเป็นผู้ผลิตนาฬิกาและตุ๊กตากลไก บริษัทถูกนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2492 หลังจากที่ตลาดกลับมาเปิดการซื้อขายหุ้นอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงนับได้ว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

ก่อนหน้านี้ นายทาโร ชิมาดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของโตชิบา เคยกล่าวไว้ว่า โตชิบาจะเดินต่อไปในก้าวที่สำคัญ สู่อนาคตใหม่พร้อมกับผู้ถือหุ้นรายใหม่ 

โตชิบาในสายตาของชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก ถือเป็นสมบัติของชาติ

ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โตชิบาต้องเผชิญกับความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน รวมทั้งเรื่องอื้อฉาวที่สร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ของบริษัทอย่างหนักหน่วง เช่น ในปี 2558 บริษัทยอมรับการทำทุจริตว่าแสดงผลกำไรเกินจริงเป็นจำนวนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 6 ปี ทำให้บริษัทถูกสั่งปรับเป็นเงินถึง 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,370 ล้านเยน) ซึ่งถือเป็นการเรียกค่าปรับก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น

ต่อมาสองปีให้หลัง โตชิบายังรายงานการขาดทุนครั้งใหญ่ในธุรกิจพลังงานนิวเคลียร์ที่บริษัทเข้าไปลงทุนในสหรัฐอเมริกา ทำให้ต้องลดคาใช้จ่ายลงถึง 700,000 ล้านเยนเพื่อหลีกเลี่ยงการล้มละลาย รวมไปถึงการขายธุรกิจชิปหน่วยความจำในปี 2561 ซึ่งในขณะนั้นเป็นธุรกิจที่สำคัญอย่างมากต่อบริษัท 

นับจากนั้นเป็นต้นมา โตชิบาก็ตกเป็นเป้าหมายการซื้อกิจการ โดยบริษัทได้รับข้อเสนอเทกโอเวอร์หลายครั้ง รวมทั้งข้อเสนอจากกลุ่มหุ้นนอกตลาดของอังกฤษ นำโดยซีวีซี แคปิทัล พาร์ทเนอร์ส (CVC Capital Partners) ในปี 2564 แต่โตชิบาปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว มีรายงานข่าวระบุว่า ในปีเดียวกันนั้น โตชิบาพยายามหาทางออกด้วยการจับมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อยับยั้งผลประโยชน์ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามายื่นข้อเสนอเทกโอเวอร์ 

นักวิเคราะห์กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า โตชิบาในสายตาของชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในมุมมองภาครัฐ ถือเป็นสมบัติของชาติ ซึ่งนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา

หลังจากนั้นเป็นต้นมา บริษัทได้ประกาศแผนการที่จะแยกบริษัทออกเป็น 3 ธุรกิจ ซึ่งเป็นเอกเทศจากกัน แต่ภายในไม่กี่เดือน แผนดังกล่าวก็ได้รับการปรับแก้ไขโดยคณะกรรมการบริษัท โดยจะแยกบริษัทออกเป็น 2 หน่วยธุรกิจแทน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการดำเนินการตามแผนดังกล่าว คณะกรรมการของบริษัทได้เจรจาหารือกับ JIP ซึ่งเมื่อพิจารณาข้อเสนอและตกลงกันได้ JIP ได้เข้ามาถือหุ้น 78.65% หรือมากกว่า 2 ใน 3 ของโตชิบา ซึ่งผลของข้อตกลงเทกโอเวอร์มูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์นั้น ก็ทำให้โตชิบาต้องนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ และมีผลในวันนี้ 

ข้อมูลอ้างอิง