เนสกาแฟ สปีดแรง จัดแคมเปญใหญ่สุดในรอบ 10 ปี

นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่า ปี 2566 เป็นปีที่เนสกาแฟประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดโดยรวมสูงสุดในรอบ 5 ปี ในฐานะผู้นำระดับโลกและแบรนด์กาแฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนสกาแฟจึงพัฒนาจุดยืนของแบรนด์ให้แข็งแกร่ง พัฒนาจากการเป็นเครื่องดื่มประจำวันที่ทำให้ผู้คนตื่น ให้กลายเป็นเครื่องดื่มที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่า 

นางสาวศรีประภา จิงประเสริฐสุข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟสำเร็จรูปและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับ “NESCAFÉ Make Your World” ในประเทศไทย คือการปล่อยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ซึ่งถึงเป็นครั้งแรกกับการเปิดตัวโฆษณาโทรทัศน์ความยาว 90 วินาที กับ 6 เรื่องจริงที่สร้างแรงบันดาลใจ จัดเต็มสื่อเข้าถึงคนไทยทั่วประเทศ รวมทั้งเดินหน้าจัดงานระดับเมกะอีเวนต์ให้คอกาแฟตลอด 9 วันเต็ม โดยคาดว่าแคมเปญนี้จะเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 50 ล้านคนทั่วประเทศ 

เจาะลึก 3 กลยุทธ์เนสกาแฟ

กลยุทธ์ที่ 1 : ปักหมุดจุดยืนแบรนด์ ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มที่ปลุกให้ตื่น แต่ปลุกแรงบันดาลใจให้คนไทย ส่งเสริมให้ผู้คนมองเห็นศักยภาพของตัวเอง โดยมีเนสกาแฟของเราเป็นตัวช่วยที่จะปลุกคุณออกไปชีวิตอย่างเต็มศักยภาพ ด้วยการเปิดตัว ภาพยนตร์โฆษณาชุด “NESCAFÉ Make Your World” จาก 6 เรื่องจริงของบุคคลต้นแบบและพรีเซนเตอร์ของเนสกาแฟ

ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของโลกแต่ละใบที่ทำสิ่งเล็ก ๆ แต่สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนสู่สร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นถึงคนรอบข้างและโลกของเรา พร้อมทั้งต่อยอดสู่การจัดงานอีเวนต์ครั้งยิ่งใหญ่ส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนไทยในงาน ด้วยเทคโนโลยี AI และ งานศิลปะให้ทุกคนมีส่วนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงในแบบของตัวเอง

กลยุทธ์ที่ 2 : นำเสนอผลิตภัณฑ์กาแฟที่หลากหลายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบที่แตกต่างของผู้บริโภค ด้วย 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู กาแฟปรุงสำเร็จ, เนสกาแฟ เรดคัพ, เนสกาแฟ โกลด์ และ เนสกาแฟกระป๋อง 

กลยุทธ์ที่ 3 : สานต่อโครงการด้านความยั่งยืนช่วยเหลือเกษตรกรไทย ด้วยการเกษตรเชิงฟื้นฟูภายใต้โครงการเนสกาแฟ แพลนใน 2 ด้านหลัก ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ 

และการส่งเสริม “การเกษตรเชิงฟื้นฟู” (Regenerative Agriculture) เพื่อดูแลและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยผลิตภัณฑ์ของเนสกาแฟ ในประเทศไทย ได้ผ่านการจัดหาเมล็ดกาแฟด้วยความรับผิดชอบอย่างยั่งยืน 100% 

นอกจากนี้ เนสกาแฟได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ โดยมีนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เช่น ซองเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ที่เปลี่ยนมาใช้พลาสติกตระกูลเดียวกัน หรือ Mono Structure เนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม ที่ผลิตจากอะลูมิเนียม 100% เป็นต้น ทั้งนี้ โครงของเนสกาแฟทั้งหมดจะมีส่วนช่วยให้เนสท์เล่บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2593 หรือ ปี 2050 อีกด้วย